Apple - iPhone 6s Plus

รีวิวโทรศัพท์มือถือ iPhone SE - แอปเปิ้ล

iPhone SE : หรือชื่อเต็ม "iPhone Special Edition" พร้อมกับคำนิยามว่า "The Most Powerful Phone with a Four-inch Display" หรือนี่คือโทรศัพท์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในบรรดาหน้าจอ 4 นิ้ว ซึ่งเรื่องของดีไซน์ต้องบอกว่าถอดแบบของ iPhone 5s แต่ยกสเปกมาจาก iPhone 6s ดังนั้นเรื่องความเร็วในการประมวลผลจึงเทียบเท่ากันเลย แค่ไม่มีระบบ 3D Touch ขณะที่ระบบ Touch ID เป็นเจนเนอเรชั่น 1 (iPhone 6s เจน 2) อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการสแกนลายนิ้วมือเล็กน้อย ส่วนคุณสมบัติอื่นๆ ที่น่าสนใจ รองรับการถ่ายภาพแบบ Live Photo, การบันทึกวิดีโอระดับ 4K, รองรับ Wi-Fi Calling และ VoLTE, เชื่อมต่อ 4G LTE ระดับความเร็วสูงสุด 150 Mbps, ผู้ช่วยส่วนตัว Siri แบบ Always-on, สามารถเล่นไฟล์เสียงได้สูงสุดระดับ 320 Kbps, รองรับการทำงาน AirPlay และมีฟีเจอร์ CarPlay เป็นต้น สนนราคาวางจำหน่าย 16,800 บาท (16GB) และ 20,800 บาท (64GB)

รูปลักษณ์ภายนอกLook & Design

อย่างที่เกริ่นตอนแรกว่า iPhone SE มีรูปแบบดีไซน์เหมือน iPhone 5s หลายคนอาจตั้งคำถามว่าจะแยกกันได้อย่างไร คำตอบคือให้สังเกตที่ฝาหลังเพราะจะมีชื่อรุ่นระบุไว้ แต่ถ้าหากใส่เคส หรือมองแบบผิวเผินก็แทบแยกไม่ออกเลย และแน่นอนว่าสามารถใส่เคสเดียวกันได้

ส่วนบอดี้ของ iPhone SE คืออะลูมิเนียมแบบผิวด้านเช่นเดียวกับขอบตัวเครื่องให้ความรู้สึกเรียบเนียนเมื่อจับ ขณะที่มุมทั้ง 4 ถูกลบมุม เพื่อให้สอดรับการฝ่ามือ สามารถจับถือได้สะดวก และส่วนโลโก้แอปเปิ้ลจะเป็นสแตนเลสเฉดสีเดียวกับตัวเครื่อง ช่วยเพิ่มความสวยงาม

โดยขนาดตัวเครื่อง iPhone SE จะอยู่ที่ 123.8 x 58.6 x 7.6 มิลลิเมตร ส่วนนํ้าหนัก 113 กรัม มาพร้อมกับหน้าจอ Retina - IPS - ไวด์สกรีน แบ็คไลท์แบบ LED - มาตรฐาน sRGB เต็มช่วงสี - เคลือบสารกันรอยนิ้วมือ ขนาดกว้าง 4 นิ้ว ความละเอียด 1136 x 640 พิกเซล ที่ความหนาแน่นต่อพิกเซล 326 ppi

ด้านบนหน้าจอมีเลนส์กล้องถ่ายภาพความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 พร้อมฟิลเตอร์ ขาวและดำ, โทนขาวดำ, ฟิล์มนัวร์, ซีด, ไม่มี, วาว, โปรเซส, ทรานซ์เฟอร์ อินสแตนต์ สามารถบันทึกวิดีโอความละเอียด 720p

ด้านล่างหน้าจอมีปุ่มโฮม และระบบสแกนลายนิ้วมือ Touch ID (เจน 1) สามารถกดสองครั้งเพื่อเรียกดูรายการที่ใช้งานล่าสุด หรือกดค้างไว้เพื่อเรียกใช้งาน Siri

ด้านบนตัวเครื่องมีปุ่ม Sleep / Power กดหนึ่งครั้งเพื่อสลีปหรือเริ่มการใช้งาน และกดค้างเพื่อปิดเครื่อง

ตัวเครื่องด้านล่างจะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ลำโพงเสียงอยู่ทางฝั่งขวา ซึ่งเมื่อทดลองเปิดฟังก็ให้ความดังอยู่ในระดับหนึ่ง และพอร์ตเชื่อมต่อแบบ Connector Lightning

ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีปุ่มเปิด/ปิด เสียง และปุ่มเพิ่ม/ลด เสียง

ขณะที่ด้านขวาบริเวณกึ่งกลางจะพบกับช่องใส่ซิมการ์ดประเภท Nano SIM Card

ส่วนด้านหลังตัวเครื่องด้านบนจะพบกับเลนส์กล้องที่เรียบเนียนกับตัวเครื่อง โดยกล้องเป็นแบบ iSight ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ด้วยพิกเซลขนาด 1.22µ พร้อมแฟลช True Tone และรูรับแสง f/2.2 สามารถบันทึกวิดีโอสูงสุดระดับ 4K และ FullHD ที่ 30 และ 60 เฟรมต่อวินาที 

 

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • iPhone SE
  • ชุดหูฟังสมอลทอล์ค 
  • สาย Lightning to USB
  • อแดปเตอร์ชาร์จไฟ
  • อุปกรณ์จิ้มถาดซิมการ์ด
  • คู่มือการใช้งาน

การเปรียบเทียบขนาดตัวเครื่อง iPhone SE เมื่อถือใช้งานในมือของผู้ชาย (ซ้าย) และมือผู้หญิง (ขวา)

การเปรียบเทียบขนาดตัวเครื่อง iPhone SE กับไม้บรรทัด

เมนู & ฟังก์ชันMenu & Function

หน้าจอล็อกสกรีน

โดยสามารถตั้งค่าระยะเวลาการล็อกหน้าจอสูงสุด 5 นาที หรือว่าไม่ต้องการให้ล็อกก็ทำได้เช่นกัน ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยในการล็อก iPhone SE มีให้เลือก 2 แบบ คือ Touch ID (สแกนลายนิ้วมือ) ซึ่งถึงแม้จะเป็นเพียงเจน 1 แต่จากที่ทดสอบก็พบว่ามีความไวในการปลดล็อกไม่แพ้กัน และอีกหนึ่งแบบคือการใช้รหัสผ่าน 6 ตัว ยกตัวอย่างเช่น 000129 เป็นต้น

  

หน้าจอหลัก

สำหรับหน้าจอหลักจะเป็นการแสดงแอพฯ หรือเมนูต่างๆ ที่มีอยู่ภายในเครื่อง ในรูปแบบตาราง 4 x 5 แถว โดยด้านล่างจะเป็นแถบที่สามารถวางแอพฯ หรือเมนูต่างๆ ที่เราต้องใช้งานเป็นประจำ มีประโยชน์คือเรียกใช้ได้เลย ไม่ต้องไปเลื่อนค้นหาเพื่อให้เสียเวลา กรณีที่มีแอพฯ จำนวนมาก วิธีคือ กดค้างที่ใดที่หนึ่งบนหน้าจอ จากนั้นไอคอนจะสั่นๆ นั่นแสดงว่าสามารถโยกย้ายได้แล้ว และเมื่อปรับเปลี่ยนตามต้องการแล้วให้กดปุ่มโฮมหนึ่งครั้ง เพื่อเสร็จสิ้นขั้นตอน

   

หน้าการแจ้งเตือน

สามารถเข้าสู่หน้าการแจ้งเตือนได้โดยการปัดลงมาด้านล่างจากด้านบนของหน้าจอ โดยจะรวบรวมรายการแจ้งเตือนต่างๆ ไว้ทั้งหมด เช่น ปฏิทิน, แอพฯ, ตลาดหุ้น, สายที่ไม่ได้รับ หรือข้อความที่ไม่ได้อ่าน เป็นต้น ในส่วนของการแจ้งเตือนตั้งค่าได้โดยเลือกเมนูแก้ไขจากนั้นจะเพิ่ม/ลบอะไร ให้กดที่เครื่องหมายบวกหรือลบ

   

หน้าทางลัดการตั้งค่า

เข้าถึงได้โดยปัดขึ้นมาจากด้านล่างหน้าจอ โดยจะขึ้นโชว์เมนูการตั้งค่าที่สำคัญๆ อาทิ AirDrop, โหมดเครื่องบิน, โหมดห้ามรบกวน, ปรับความสว่างหน้าจอ, ระดับเสียง, เครื่องคิดเลข, กล้อง เป็นต้น 

  

หน้าการตั้งค่า

  

ออแกไนซ์เซอร์พื้นฐาน

  

  

  

   

  

จุดเด่นน่าสนใจSpecial & Features

รายละเอียดข้อมูลสเปก iPhone SE

  • ระบบปฏิบัติการ : เริ่มต้น iOS เวอร์ชั่น 9.3 สามารถอัพเดทได้เป็นเวอร์ชั่น 9.3.1
  • ขนาดตัวเครื่อง : 123.8 x 58.6 x 7.6 มิลลิเมตร
  • นํ็าหนัก : 113 กรัม
  • หน้าจอ : Retina - IPS - ไวด์สกรีน แบ็คไลท์แบบ LED - มาตรฐาน sRGB เต็มช่วงสี - เคลือบสารกันรอยนิ้วมือ ขนาดกว้าง 4 นิ้ว ความละเอียด 640 x 1136 พิกเซล (326ppi)
  • หน่วยประมวลผล : Apple A9 CPU Dual-core 1.84GHz 64-bit (การประมวลผลเร็วกว่า iPhone 5s ถึง 2 เท่า)
  • GPU : PowerVR 7XT GT7600 GPU (การประมวลผลกราฟฟิกเร็วกว่า iPhone 5s ถึง 3 เท่า)
  • Ram : 2GB
  • หน่วยความจำภายใน : 16GB & 64GB 
  • กล้องหลัง : ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.2 และไฟแฟลช True tone รองรับการบันทึกวิดีโอระดับความละเอียด 2160p@30fps, 1080p@30fps, @60fps และ @120fps, 720p ที่ @30fps และ 240fps
  • กล้องหน้า : ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.4 รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียด 720p@30fps และไฟแฟลช Retina
  • ระบบสแกนลายนิ้วมือ Touch ID เจนเนอเรชั่น 1
  • ระบบเชื่อมต่อ : 4G LTE Cat.4 (150Mbps), VoLTE, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, VoWiFi, Airplay, Bluetooth 4.2,GPS + A-GPS, GLONASS, NFC (Apple Pay only)
  • แบตเตอรี่ : 1,624 mAh พร้อมโหมด Power saving 

   

  

  

ผลการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของ iPhone SE จากแอพฯ

  • ผลทดสอบความเร็ว Benchmark ด้วย AnTuTu Benchmark ได้ 133,116 คะแนน
  • ผลทดสอบความเร็ว Benchmark ด้วย 3D Mark Sling shot ได้ 1,710 คะแนน
  • ผลทดสอบความเร็ว Benchmark ด้วย BASE MARK OSII ได้ 2,349 คะแนน

   

  

หน่วยประมวลผล (CPU)

iPhone SE เลือกใช้ชิพ A9 กับสถาปัตยกรรม 64 บิตแบบเดียวกับใน iPhone 6s ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวดเร็วและลื่นไหล มากกว่า iPhone 5s ถึง 2 เท่า และยังมีโปรเซสเซอร์ร่วม M9 สำหรับประมวลผลการเคลื่อนไหว ทำให้การเล่นเกมที่มีกราฟิกสวยๆ ทำได้ดีกว่า iPhone 5s ถึง 3 เท่า

ผู้ช่วยส่วนตัว (Siri)

อีกหนึ่งความคุ้นเคยที่บรรดาผู้ใช้งาน iPhone ทราบ และยิ่งสามารถใช้งานในภาษาไทยได้แล้ว ยังเพิ่มประสบการณ์การใช้งานได้มากขึ้นไปอีก เพียงแต่บางคำหรือบางประโยคที่ต้องการสั่งจะต้องมีความชัดเจน ไม่ซับซ้อนมากเกินไป Siri จึงจะทำงานได้ตรงความต้องการ โดยผู้ใช้สามารถเข้าไปตั้งค่าการใช้งานต่างๆ ได้ที่ การตั้งค่า > ทั่วไป > Siri ทั้งนี้ ใน iOS 9 Siri ได้รองรับการใช้งานโดยไม่ต้องสัมผัสปุ่มใดๆ เพียงพูดคำว่า "หวัดดี Siri" ก็ใช้งานได้ทันที

  

รองรับฟีเจอร์ CarPlay

เป็นฟีเจอร์ที่ไม่ต้องใช้รุ่นใหญ่ ก็สามารถมีผู้ช่วยคนขับได้ : ซึ่งต้องเลือกว่าจะเชื่อมต่อด้วยสาย Lighting หรือระบบ Bluetooth โดยความแตกต่างคือฟังก์ชั่นจะไม่เหมือนกันตามการเชื่อมต่อ และก็ต้องอย่าลืมว่าต้องตรวจสอบให้ดีเสียก่อนว่า รถยนต์รองรับฟีเจอร์ดังกล่าวหรือไม่ คลิกอ่านรายละเอียดได้ที่ : apple.com/th/ios/carplay

 

ฟีเจอร์ Night Shift

โดยฟีเจอร์ดังกล่าวจะเป็นตัวช่วยถนอมสายตาเราเมื่อใช้เวลากลางคืน ด้วยการปรับแต่งโทนสีหน้าจอให้เหมาะสม ซึ่งเราก็สามารถปรับแต่งได้เองเช่นกัน ตั้งแต่อุ่นน้อยลงจนถึงอุ่นมากขึ้น กล่าวคือหากเปิดแบบอุ่นมากขึ้นหน้าจอจะเปลี่ยนเป็นโทนสีส้มอ่อน แต่หากเปลี่ยนเป็นปุ่นน้อยลงจะปรับเป็นโทนสีเหลืองซีดๆ คล้ายกับแสงแดดอ่อนๆ สามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ > จอแสดงผลและความสว่าง > Night Shift

  

ระบบ Touch ID (การสแกนลายนิ้วมือ)

เป็นอีกหนึ่งระบบที่จะช่วยป้องกันข้อมูลส่วนตัวในสมาร์ทโฟน เช่นเดียวกับการยืนยันเพื่อซื้อสินค้าใน App Store

   

โหมดประหยัดพลังงาน

ตัวช่วยสำหรับการประหยัดพลังงานของแบตเตอรี่ หากไม่มีอุปกรณ์เสริมใดๆ ใกล้ตัว หรือไม่เอื้ออำนวยต่อการชาร์จแบตเตอรี่ก็สามารถเปิดโหมดนี้ให้ระบบจัดการการทำงาน เพื่อยืดระยะเวลาการใช้งานมากขึ้นไปอีก จนกว่าจะชาร์จแบตฯ ได้ตามปกติ

  

รองรับการถ่ายภาพแบบ Live Photo

อีกหนึ่งลูกเล่นที่เพิ่มสีสันให้การถ่ายภาพ แต่มีข้อเสียคือไฟล์ภาพจะมีขนาดใหญ่กว่าปกติ หมายความว่ารุ่นโมเดล 16GB อาจต้องหมั่นเคลียร์ไฟล์ โดยวิธีการถ่ายภาพคือ เปิดกล้องดิจิตอลขึ้นมา > สังเกตบริเวณกึ่งกลางด้านบนจะมีจุดวงกลม ถ้าแสดงเป็นสีขาว หมายความว่าปิดการถ่ายภาพแบบ Live Photo อยู่ แต่เป็นสีเหลืองแสดงว่าเปิดการใช้งาน Live Photo ส่วนวิธีการเปิด/ปิดคือให้กดหนึ่งครั้งที่จุดดังกล่าว

บันทึกวิดีโอได้สูงสุดความละเอียด 4K

สามารถเลือกระดับความละเอียดการบันทึกวิดีโอได้ที่ การตั้งค่า > รูปภาพและกล้อง > กล้องอัดวิดีโอหรือกล้องอัดสโลว์โมชั่น โดยขนาดของไฟล์ระหว่าง 4K กับ FullHD ที่ 60 เฟรมต่อวินาที แตกต่างกันประมาณ 1 เท่า ที่ระยะเวลา 0.37 วินาที ส่วนความร้อนของเครื่องก็รู้สึกได้เลยว่าร้อนเมื่อถ่าย 4K

  

กล้องดิจิตอล

iPhone SE ถอดแบบสเปกกล้องหลัง iPhone 6S กล้อง iSight ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ด้วยพิกเซลขนาด 1.22µ พร้อมรูรับแสงขนาด ƒ/2.2 ไฟแฟลชคู่ True Tone รองรับคุณสมบัติ Live Photos ตัวเลนส์กล้องได้รับการปกปองจากผลึกแซฟไฟร์ภายในประกอบด้วยเลนส์ 5 ชิ้น ผสมผสานฟิลเตอร์ Hybrid IR โฟกัสแบบ Focus Pixels ส่วนการบันทึกวิดีโอรองรับสูงสุด 4K (3840 x 2160) ที่ 30 fps หรือระดับ 1080p ที่ 30 fps และ 60 fps ส่วนกล้องหน้า มาพร้อมความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล รูรับแสง ƒ/2.4 และมีไฟแฟลช Retina Flash รองรับการบันทึกวิดีโอระดับ HD (720p)

 

คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง

  • ความละเอียดของภาพถ่ายจากกล้องหลัง : 16376 x 3628 (พาโนรามา), 4032 x 3024 (รูปภาพ), 3024 x 3024 (จัตุรัส) พิกเซล
  • ความละเอียดของภาพถ่ายจากกล้องหน้า : 960 x 1280 (รูปภาพ), 960 x 960 (จัตุรัส) พิกเซล   
  • ไฟแฟลช : อัตโนมัติ, เปิด, ปิด
  • ตัวจับเวลา : ปิด, 3 วินาที, 10 วินาที
  • HDR : อัตโนมัติ, เปิด, ปิด
  • เอฟเฟ็กต์ : ไม่มีเอฟเฟ็กต์, ขาวและดำ, โทนขาวดำ, ฟิล์มนัวร์, ซีด, วาว, โปรเซส, ทรานซ์เฟอร์, อินสแตนส์ 
  • ปุ่มสลับกล้องหน้า-หลัง

คุณสมบัติการถ่ายภาพวีดีโอ

  • ความละเอียดของภาพวีดีโอจากกล้องหลัง : 3840 x 2160, 1920 x 1080, 1280 x 720
  • ความละเอียดของภาพวีดีโอจากกล้องหน้า : 1280 x 720
  • ไฟแฟลช : อัตโนมัติ,  เปิด,  ปิด


ตัวอย่างการบันทึกวิดีโอระดับ 1080p ที่ 60fps


ตัวอย่างการบันทึกวิดีโอระดับ 2160p ที่ 30fps

ตัวอย่างภาพจากกล้องSample & Photo

  

  

   

 Apple

ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ : iPhone SE
http://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=451586

แคตตาล็อกตัวเครื่อง : http://www.siamphone.com/spec/apple/iphone_se.htm

อ่าน

แบ่งปันบทความ

ข้อมูลมือถือ

VIEWS

แบ่งปันบทความ

สินค้าออนไลน์