Xiaomi Mi 8 สมาร์ทโฟนตัวท็อปแห่งแบรนด์เสียวหมี่เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 8 ปีไปในตัว ชูจุดเด่นด้วยรอยบากที่ฝังเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างระบบสแกนใบหน้า 3 มิติ กับ IR Face Unlock ทำงานบนชิปเซ็ตตัวแรงสุด Qualcomm Snapdragon 845, RAM 6GB, ROM 64GB พร้อมกล้องหลังคู่ความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล ผสมผสานเข้ากันกับ AI ที่จดจำฉากได้มากถึง 25 ซีน
ดีไซน์ของ Xiaomi Mi 8 มีความโค้งมนทั้ง 4 ด้าน มีความบางเฉียบจากตัวเครื่องเพื่อให้การสัมผัสของเรากระชับมือยิ่งขึ้น ขณะที่ด้านหลังแม้จะเป็นกระจกแต่ก็ยังมีความหนืดไม่หลุดมือง่ายๆ แน่นอน มีขนาดตัวเครื่อง 154.9 x 74.8 x 7.6 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 175 กรัม
Xiaomi Mi 8 มาพร้อมหน้าจอรอยบากที่ฝังเทคโนโลยีสแกนใบหน้าแบบ 3 มิติไว้ โดยมีขนาดหน้าจอแสดงผลอยู่ที่ 6.21 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตราสวน 19:9
เหนือหน้าจอเป็นรอยบากที่ฝังเทคโนโลยีต่างๆ ไว้มากมาย เริ่มจากกล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล, ระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ ลำโพงสำหรับสนทนา แสงอิฟราเรด และเลนส์อินฟราเรดเพื่อใช้สแกนใบหน้าในที่มืด
ด้านล่างได้นำปุ่มนำทางไว้ในหน้าจอ และมีขอบดำที่ค่อนข้างบาง
ทางซ้ายของตัวเครื่องมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM จำนวน 2 ช่อง
** กรุณาตรวจสอบรุ่นมือถือที่รองรับเครือข่าย 3G, 4G อีกครั้ง **
ที่ด้านขวามีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง แลัปุ่มปลดล็อค-ปิดเครื่อง
ด้านล่างของตัวเครื่องเป็นไมโครโฟนตัวที่ 1, ช่องเชื่อมต่อข้อมูลแบบ USB Type-C และลำโพงตัวที่ 1
ส่วนด้านบนไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน
และด้านหลังของตัวเครื่องเป็นกล้องคู่แนวตั้งที่นูนออกมาจากตัวเครื่อง พร้อมไปแฟลชคู่ที่อยู่ระหว่างกลางกล้องทั้ง 2 เลนส์ ส่วนระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ถัดมาที่กลางตัวเครื่อง
อุปกรณ์ภายในกล่อง
สรุปสเปก Xiaomi Mi 8
ระบบปฏิบัติการ
Xiaomi Mi 8 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 8.12 Oreo ที่ครอบทับด้วย MIUI 9.5 โดยรูปร่างหน้าตาของ UI ก็ดูสบายตาและดูน่ารักตามไอคอนที่ปรากฏ
หน้าตา UI
RAM/ROM
ส่วนเรื่องของ RAM ที่ให้มาถึง 6GB ก็เหลือให้ใช้งานจริงประมาณ 3.5GB ส่วนหน่วยความจำภายใน (ROM) ที่ให้มาถึง 64GB ก็เหลือให้ใช้งานประมาณ 52GB
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง
ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้
ทดสอบการเล่นเกม
และแน่นอนว่าด้วยหน่วยประมวลผลที่เป็นตัวท็อปอย่าง Qualcomm Snapdragon 845 เราก็ทดสอบ 3 เกมหลักๆ ทั้ง ROV, PUBG Mobile และ Asphalt 9: Legends
เริ่มด้วย ROV เราปรับภาพกราฟฟิกที่สวยที่สุด ทั้งภาพ HD และเฟรมเรทสูง Xiaomi Mi 8 ก็เล่นได้แบบไม่มีปัญหา ไม่มีเฟรมเรทร่วงหรือกระตุก และวิ่งที่ 59-60 ตลอดทั้งเกม
ต่อด้วย PUBG Mobile ก็สามารถเปิดกราฟิกแบบ HDR (สูงสุดในตอนนี้) พร้อมด้วยเฟรมเรมระดับ Ultra และเมื่อเข้าไปในเกมจริงๆ ก็เล่นได้ไหลลื่นและภาพสวยงามตามท้องเรื่อง
และสุดท้ายกับเกมแข่งรถภาพสวยงามอย่าง Asphalt 9: Legends ก็เล่นได้แบบไม่กระตุก สบายหายห่วง
นอกจากนี้ ก็ยังมีฟีเจอร์ Game Speed Booster เพื่อเคลียร์ RAM, แคช และแอพพลิเคชั่นที่พื้นหลัง ช่วยให้ตัวเกมใช้งานประสิทธิภาพของซอร์ฟแวร์ได้ดีที่สุด ซึ่งเมื่อลองเล่นจริงๆ แล้ว เชื่อว่า Xiaomi Mi 8 ยังรองรับเกมในอนาคตได้อีกหลายปีแน่นอน
ขึ้น Boosted successfully หลังการเคลียร์พื้นหลังเรียบร้อย
Dual GPS + Dual 4G
Xiaomi Mi 8 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มี GPS ความถี่คู่ ใช้ทั้งสัญญาณ L1 และ L5 ในการประสานงาน ทำให้มีความถูกต้องมากยิ่งขึ้น และคลาดเคลื่อนจากตำแหน่งจริงไม่เกิน 5 เมตร
ซึ่งก็มีการเปรียบเทียบจากแอพพลิเคชั่น GPS Test ระหว่าง Xiaomi Mi 8 และแบรนด์จีนอีก 1 รุ่น ผลลัพธ์ก็ออกมาเป็นดังภาพด้านล่าง
อธิบายค่าต่างๆ ภายในภาพ
เปรียบเทียบความแม่นยำของ GPS ระหว่าง Xiaomi Mi 8 (ซ้าย) และสมาร์ทโฟนอีก 1 รุ่น (ขวา)
ระบบความปลอดภัย
ด้านระบบล็อคเครื่องก็มีถึง 2 แบบให้เลือก อย่างแรกคือ IR Face Unlock หรือระบบสแกนใบหน้าแบบ 3 มิติที่สามารถใช้ได้ในความมืด "3D Structured-light Face Unlock" ซึ่งใช้งานได้รวดเร็วมาก เพียงกดปุ่มล็อคเครื่องก็จะสแกนทันที ทั้งนี้ การสแกนใบหน้าจะไม่ทำงานเมื่อเราหลับตาอยู่
นอกจากนี้ ระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือก็ยังทำงานได้รวดเร็ว แต่อาจจะใช้งานไม่สะดวกหากไม่ได้ใส่เคส เนื่องจากระบบนาบไปกับตัวเครื่องทำให้หาจุดสแกนยากสักหน่อย
Dual Apps
การมีโซเชียลมีเดียหลายบัญชีจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปเมื่อมีฟีเจอร์ Dual Apps หรือการเพิ่มบัญชีที่ 2 ไม่ว่าจะ Line หรือ Facebook ก็ใช้งานแยกจากบัญชีหลักอันเดิมได้แบบไร้ปัญหา ซึ่งไอคอนจะมีสัญลักษณ์ Dual Apps ทางมุมซ้ายล่างของแอพพลิเคชั่นที่ 2 อยู่
1 เครื่องเล่นหลายคนก็ไม่ต้องกลัว
ฟีเจอร์ Second Space หรือพื้นที่สำหรับบุคคลที่ 2 เพื่อให้ใช้งานแยกกับพื้นที่หลักทั้งหมดของเรา โดยการใช้งานก็ให้เราไปที่การตั้งค่า และเลือก Second Space จากนั้นก็กดไปที่ Second Space ซึ่งเราสามารถตั้งรหัสผ่านเพื่อป้องกันการเข้าถึงได้เช่นกัน หลังจากนั้นก็จะมีแอพพลิเคชั่น Switch ขึ้นมาบนหน้าจอหลักเพื่อให้เราสลับพื้นที่ที่ 1 และ 2 ได้อย่างง่ายดาย
หน้าตา UI ใน Second Space
เปลี่ยนปุ่มนำทางเพิ่มความแปลกใหม่ก็ยังได้
หากใครที่เบื่อการใช้งานปุ่มนำทางแบบเดิมที่มีปุ่มแอพฯ ก่อนหน้า, ปุ่มโฮม และย้อนกลับ ก็มีอะไรให้ลองใหม่ๆ คือการใช้ท่าทางต่างๆ ในการควบคุมแทนปุ่มธรรมดาๆ โดยให้ไปที่การตั้งค่า > Full screen display และเลือก Full screen gestures เมื่อเลือกแล้วเราก็ใช้งานได้ดังนี้
นอกจากนี้ ในส่วนเดียวกันเราสามารถปิดรอยบากด้านบนได้โดยการกดเปิดฟังก์ชั่น Hide Screen Notch
กล้อง
มาถึงเรื่องกล้องที่ทาง Xiaomi มีการปรับปรุงแก้ไขครั้งใหญ่จนได้คะแนนการถ่ายภาพจาก DxOMark ไปถึง 105 โดยที่กล้องหลังคู่มาพร้อมความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล มีระบบกันสั่นไหวแบบ OIS ถึง 4 แกน ซึ่งมีฟีเจอร์ที่เป็นตัวชูโรง ได้แก่
กล้องถ่าย AI ที่ตรวจจับซีนได้มากถึง 25 ซีน ที่ยังคงแยกแยะฉากได้มากถึง 206 ฉากแบบเรียลไทม์ เพื่อปรับแสงและสีให้สวยและตรงตามจริงมากที่สุด โดยเมื่อเราโฟกัสไปที่สิ่งๆ นั้น AI ก็จะตรวจจับและขึ้นเป็นสัญลักษณ์จากไอคอนตรงกลางด้านบน
ทั้งนี้ ยังมีโหมดแสงสตูดิโอ หรือ Portrait Studio ที่ปรับแสงภาพบุคคลได้ถึง 7 แบบ 7 แสง ที่ปรับได้แบบเนียนตา
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดแสงสตูดิโอ : คลิ๊กเพื่อดูภาพใหญ่
ขณะที่กล้องหน้ามาพร้อมความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ก็ยังมี 3D Beautify ที่ทำการเบลอฉากหลังได้เป็นธรรมชาติ โดยยังให้เราได้ปรับแต่งความสวยงามบนใบหน้า ทั้งความเรียวใบหน้า, ตาโต, จมูก หรือริมฝีปาก ได้ตามใจชอบอีกด้วย
เปรียบเทียบโหมดกล้องหน้าแบบปกติ (ซ้าย) และโหมด 3D Beautify (ขวา)
โหมดกล้องอื่นๆ และฟิลเตอร์ให้เลือกมากมาย
คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง
คุณสมบัติการบันทึกวิดีโอ
ขอขอบคุณ : ร้าน ThaiSuperPhone
ข้อมูลผู้ใช้ ร่วมแสดงความคิดเห็นกับ : Xiaomi Mi 8
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=457270
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : http://www.siamphone.com/spec/xiaomi/mi_8.htm
พรีวิว Samsung Galaxy Z Flip 6 ครั้งแรกมือถือจอพับกันน้ำได้ Samsung เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ Samsung Galaxy Z Flip 6 รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมเฉดสีสไตล์มินิมอล สดใส เก๋ไก่ น่ารักเอามากๆ มี 4 เฉดสีใ...