สมาร์ทโฟน (Smartphone) | วันที่ : 20 พฤศจิกายน 2560
หลังจากที่เราเริ่มเห็นเทรนด์สมาร์ทโฟนที่ตัดช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และใช้พอร์ต USB Type-C (บนแอนดรอยด์) หรือพอร์ต Lightning (บน iPhone) ในการฟังเพลงกันมาบ้างแล้วนั้น หลายๆ คนจะคิดว่านี่เราจะมาใกล้ถึงยุคที่สมาร์ทโฟนไม่ต้องพึ่งพาช่องเชื่อมต่ออะไรเลยหรือไม่? ในวันนี้ เราก็มีคำตอบ (ที่ค่อนข้างยาว) ที่สามารถตอบคำถามนี้ได้
สำหรับเทคโนโลยีส่วนใหญ่ที่พวกเราอาจจะต้องการ คือ การที่สมาร์ทโฟนเริ่มไร้ช่องเชื่อมต่ออย่างสมบูรณ์ 100% โดยอย่างแรก เราลองมาดูสมาร์ทโฟนทั่วไปในปัจจุบัน จะมีพอร์ตสำหรับช่องเสียบหูฟัง, ช่องใส่ซิมการ์ดและ microSD, ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง, ปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง, ลำโพง และช่องสำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด ในขั้นต้นจะส่งผลให้เกิดจุดอ่อนด้านการป้องกันน้ำ-ฝุ่น เพราะจะมีช่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ให้น้ำหรือฝุ่นเล็ดลอดผ่านเข้าไปได้
เริ่มจากรอบๆ ของตัวเครื่อง
หากพูดถึงปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง จริงๆ แล้ว เราไม่ต้องให้พวกมันอยู่ข้างตัวเครื่องก็ได้ เนื่องจากระบบซอร์ฟแวร์ภายในสามารถควบคุมสิ่งนี้ได้อยู่แล้ว โดยอาจจะเป็นการให้แอพพลิเคชั่นต่างๆ สามารถควบคุมเสียงแยกกันได้ หรืออาจจะใช้ปุ่มที่อยู่ภายในหน้าจอแสดงผลเพื่อทดแทนปุ่มนอกตัวเครื่อง เหมือนกับ Apps Edge ที่ใช้ใน Galaxy S8/S8+ และ Note 8 หรือปุ่มผู้ช่วย (AssistiveTouch) ใน iPhone
มาในส่วนที่เป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรกันบ้าง ที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการตัดพอร์ตเชื่อมต่อ จริงๆ แล้ว ปัญหาใหญ่ที่สุดในด้านนี้ก็คือ การที่ให้ผู้บริโภคเริ่มปรับตัวมาใช้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth กันมากขึ้น โดยในปัจจุบัน คุณภาพเสียงขั้นสูงผ่าน Bluetooth ก็มีใช้หลักๆ อยู่ 2 แบบ ได้แก่ เทคโนโลยี LDAC ของ Sony และ Aptx HD ของ Qualcomm ที่อยู่ในสมาร์ทโฟน เพื่อช่วยเพิ่มอรรถรสในฟังเพลงให้มีคุณภาพดีขึ้น
ใช้ตัวช่วยเพิ่มเติม ?
ก่อนหน้านี้เราพูดถึงการใช้ Bluetooth เพื่อเข้ามาแก้ปัญหาการตัดพอร์ตเสียบหูฟังออกไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ในส่วนของลำโพงเหนือหน้าจอ ทางบริษัท Redux จากสหราชอาณาจักรได้ผลิตเทคโนโลยีที่ใช้หน้าจอแสดงผลส่งเสียงเหมือนกับลำโพง (คุณภาพเสียงก็ยังดีอีกด้วย) โดยเทคโนโลยีดังกล่าวช่วยให้เสียงที่ความถี่กว้างขึ้นและยังนุ่มนวลอีกด้วย ซึ่งในอนาคตอันใกล้ เราก็อาจจะได้เห็นสิ่งนี้ก็เป็นได้
แล้วพอร์ตเชื่อมต่อข้อมูลจะเอาไปไว้ไหน ?
จริงๆ แล้วเราไม่จำเป็นต้องกังวลถึงสิ่งนี้ ในเมื่อเราเริ่มจะเห็นอุปกรณ์การชาร์จไร้สาย (Wireless Charging) และการเริ่มเก็บข้อมูลต่างๆ ภายในเครื่องส่งขึ้นระบบหลักทางออนไลน์ หรือ Cloud-Based มากขึ้น ขณะที่ Essential phone ที่ได้เจ้าพ่อแห่งวงการแอนดรอยด์อย่าง Andy Rubin เป็นผู้สร้างนั้น ก็มีฟีเจอร์ที่เชื่อมต่อและส่งข้อมูลไร้สายที่รองรับความเร็วสูงสุดถึง 6 Gbps แต่น่าเสียดายที่สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ไม่ได้ถูกพูดถึงมากเท่าไหร่
ทั้งนี้ ในส่วนของช่องใส่ซิมการ์ด เราก็คงเคยได้ยินเรื่องของ "eSIM" ที่เป็นการฝังซิมการ์ดลงในสมาร์ทโฟน โดยใช้เพียงการสแกน QR Code ก็สามารถเปิดใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ทันที ซึ่งเทคโนโลยีนี้ มีจุดกำเนิดครั้งแรกมาจากนาฬิกาอัจฉริยะอย่าง Samsung Gear S2 ในปี 2016 ที่ผ่านมา และเราก็ได้ยินคำนี้กันมากขึ้นหลังจากการเปิดตัวของ Apple Watch Series 3, Google Pixel 2 และ Pixel 2 XL ที่รองรับเทคโนโลยีนี้เช่นเดียวกัน
แล้วทำไมถึงยังไม่มีใครทำกันล่ะ ?
จากคำถามบนหัวข้อ ก็เกิดคำถามที่ตามมาคือ "อะไรคือประโยชน์ของสมาร์ทโฟนที่ไร้พอร์ต?" คำตอบก็คือ มาตรฐานกันน้ำและฝุ่นที่สามารถทำได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็คงจะมีคนสงสัยกันอยู่ดีว่าระบบป้องกันน้ำและฝุ่นก็มีให้เห็นกันอยู่ทั่วไปปกติ แล้วทำไมถึงยังต้องการสมาร์ทโฟนที่ไร้พอร์ตอีก
ตอบได้อย่างเดียว คือ เรื่องของ "สุนทรียภาพ" หรือเรียกง่ายว่า "สวยงามกว่า" ล้วนๆ ซึ่งหากเราลองนึกถึงภาพลักษณ์ของสมาร์ทโฟนที่ไร้รอยต่อและมีตัวเครื่องที่เรียบทั้งหมด ถ้าจะให้เห็นภาพชัดๆ ก็ลองนึกถึงสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขอบโค้ง (Infinity Display) ของ Samsung (Galaxy S8, S8+, Note 8) ที่ไม่มีรอยต่อและราบเรียบทั้ง 4 ด้านก็คงจะดีไม่ใช่น้อย
และถึงแม้จะได้เรื่องความสวยงามไป แต่ก็อาจจะทำให้ผู้บริโภคเกือบทั้งหมดต้องปรับตัวในการใช้งานสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น รวมไปถึงความเสี่ยงที่ว่า ผู้บริโภคเหล่านั้นต้องการที่จะปรับตัวตามบริษัทที่ผลิตสมาร์ทโฟนหรือไม่อีกด้วย
สรุป
ข้อดีของการมีสมาร์ทโฟนแบบไร้พอร์ต 100% ได้แก่
ข้อเสียของการมีสมาร์ทโฟนแบบไร้พอร์ต 100% ได้แก่
นอกจากนี้ ถ้าหากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเกิดตัดทุกอย่างออกจริงๆ ก็คงต้องเป็นผู้บริโภคเองที่ต้องปรับตัวตามเทคโนโลยีที่สูงขึ้นไปด้วย สุดท้ายนี้ ผู้อ่านมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างหากสมาร์ทโฟนเกิดไร้พอร์ตขึ้นมาจริงๆ ?
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : www.androidauthority.com วันที่ : 20 พฤศจิกายน 2560
เลือกอะไรดี! OPPO A60 vs realme 12x 5G ราคา 5,999 บาทเท่ากัน แตกต่างกันอย่างไร
Redmi Note 13 Pro+ World Champions Edition รุ่นพิเศษฉลองแชมป์
ทำความรู้จัก HONOR X8b หน้าจอ 6.7 นิ้ว กล้องเซลฟี่ 50MP ชาร์จเร็ว 35 วัตต์
ฟีเจอร์กล้อง 108MP ใน HUAWEI nova 12i สเปกเท่าเรือธงในงบต่ำหมื่น
Infinix NOTE 40 Series ชิปแรง ชาร์จไว พร้อมที่ชาร์จไร้สาย MagCase
เลือกอะไรดี! OPPO A60 vs realme 12x 5G ราคา 5,999 บาทเท่ากัน แตกต่างกันอย่างไร
สิ้นสุดการรอคอย! Apple เตรียมลงแอปเครื่องคิดเลขบน iPad ปลายปีนี้
ฟีเจอร์กล้อง 108MP ใน HUAWEI nova 12i สเปกเท่าเรือธงในงบต่ำหมื่น
Tecno POVA 6 และ POVA 6 Neo เน้นแบตเตอรี่ใหญ่จุใจ หน้าจอ 120Hz พลังเสียง Dolby Atmos
เตรียมเปิดตัว NOTE 40 Series พร้อมดึง เก้า สุภัสรา นั่งแท่นพรีเซนเตอร์คนล่าสุด
Redmi Note 13 Pro+ World Champions Edition รุ่นพิเศษฉลองแชมป์3 พ.ค. 67 13:00