www.siamphone.com

ข่าว

แนะนำฟีเจอร์ที่มาพร้อม Xiaomi Mi Note และ Mi Note Pro

สมาร์ทโฟน (Smartphone)   |   วันที่ : 16 มกราคม 2558

Xiaomi เปิดตัวแฟบเล็ตรุ่นท๊อป 2 รุ่นใหม่ออกมาแล้ว ได้แก่ Xiaomi Mi Note และ Xiaomi Mi Note Pro (ข่าวเปิดตัว) โดยแฟบเล็ตทั้งสองรุ่นนอกจากจะมีหน้าจอ 5.7 นิ้ว รองรับ 2 ซิม มีสเปกและราคาจำหน่ายที่น่าสนใจแล้วยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าจับตามองอีกด้วยโดยมีรายละเอียดดังนี้

4GB LPDDR4 RAM (Mi Note Pro)

แม้ว่า ASUS Zenfone 2 เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกที่เปิดตัวมาพร้อมกับ RAM 4GB และ LG G Flex 2 เป็นแฟบเล็ตเครื่องแรกที่ใช้ RAM LPDDR4 แต่ Xiaomi Mi Note Pro เป็นแฟบเล็ตรุ่นแรกที่มีทั้งสองอย่างในเครื่องเดียว ด้วย RAM LPDDR4 จะมีประสิทธิภาพความเร็วมากกว่า RAM LPDDR3 ถึง 50% และยังประหยัดพลังงานกว่า ถึง 40%

LTE-Cat 9 (Mi Note Pro)

ชิป Snapdragon 810 จะช่วยให้ Xiaomi Mi Note Pro เป็นแฟบเล็ตรุ่นท๊อปเครื่องแรกที่ได้ใช้งานการประมวลผลแบบ octa-core 64-bit พร้อมกับมีโมเด็ม LTE Cat 9 ในตัวซึ่งสามารถทำความเร็วในการดาวน์โหลดได้สูงสุดถึง 450Mbps

Dedicated reader mode

ขณะที่ผู้ผลิตมือถือแบรนด์เกาหลีและญี่ปุ่นต่างแข่งขันกันด้วยสเปกที่ต้องเหนือกว่าคู่แข่ง Xiaomi เลือกที่จะปรับปรุงในส่วนที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้ชัดเจนมากกว่าอย่างเช่นการปรับปรุงโหมดใช้ถุงมือสัมผัสหน้าจอ การปรับปรุงประสิทธิภาพการถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหน้า และเพิ่มฟีเจอร์กรองแสงสีฟ้า (blue light) ไม่ให้ลอดผ่านหน้าจอออกมา Xiaomi เรียกฟีเจอร์นี้ว่า Dedicated reader mode (โหมดการอ่าน) ซึ่งจะตัดแสงสีฟ้าที่มารบกวนประสาทตาออกไปโดยที่ไม่ต้องติดฟิล์มป้องกัน

Audiophile hardware and lossless playback

เพิ่มประสิทธิภาพของระบบเสียงในตัว ด้วยการใส่ ESS ES9018K2M 32-bit Stereo audio DAC ชิประบบเสียง Hi-Fi ที่มีความละเอียดถึง 192KHz / 24bit รองรับการเล่นไฟล์เสียงแบบ lossless APE/FLAC/DSD/WAV และจับคู่กับแอมป์ขยายสัญญาณ TI OPA1612 ช่วยให้ขับเสียงผ่านหูฟัง 600ohm ได้

Curved Gorilla Glass 3 displays

แฟบเล็ตทั้งสองรุ่นของ Xiaomi เป็นสองรุ่นแรกที่ได้ใช้งานกระจก Gorilla Glass 3 แบบโค้ง 2.5D ซึ่งเทคโนโลยีการผลิตกระจกรุ่นนี้ของ Corning สามารถโค้งงอได้มากที่สุดถึง 75-80 องศาโดยไม่แตก แต่ Xiaomi ก็ใช้ประโยชน์ความโค้งดังกล่าวตรงส่วนที่เป็นขอบหน้าจอเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพื่อให้มุมมองสวยขึ้น

Micro & nano-SIM support

แฟบเล็ตทั้งสองรุ่นรองรับ 2 ซิม โดยมีช่องเสียบการ์ด micro-SIM (1-slot) และ nano-SIM (1-slot) ซึ่งเป็นซิมการ์ดขนาดมาตรฐานที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ใช้งานอยู่แล้ว

One-handed mode

มีโหมดใช้งานด้วยมือเดียว ช่วยอำนวยความสะดวกในกรณีที่ไม่สะดวกใช้งานแฟบเล็ตด้วยสองมือพร้อมกัน

UltraPixel front cam

แฟบเล็ตทั้งสองรุ่นนำเทคโนโลยี UltraPixel 4MP มาใช้งานกับกล้องหน้า โดยเซ็นเซอร์กล้องหน้าจะมีจุดพิกเซลขนาดใหญ่กว่าปกติ (2µm) ช่วยให้รับแสงได้มากขึ้นและทำงานได้ดีในสภาพแสงน้อย

DualTone flash

ทั้งสองรุ่นได้ใช้งานแฟลชคู่สองสีจาก Philips เวลาถ่ายภาพเปิดแฟลชจะมีสองช๊อต ช๊อตแรกจะใช้แฟลชสีขาวอีกช๊อตจะใช้แฟลชสีเหลือง และนำมารวมกันเป็นภาพเดียวเพื่อให้ได้ภาพที่มีสีใกล้เคียงธรรมชาติมากกว่าการใช้แฟลชเดี่ยว

Thinner, lighter, and smaller than the iPhone 6 Plus

ทั้งสองรุ่นมีขนาดตัวเครื่องที่บางและเบากว่า iPhone 6 Plus แม้ว่าจะมีขนาดของหน้าจอเท่ากันก็ตาม !!

ที่มา : www.phonearena.com วันที่ : 16 มกราคม 2558

10,085
อ่าน

แบ่งปันบทความ

ข่าวล่าสุด

ไฮไลท์ข่าว

หมวดข่าว

None AMP version