www.siamphone.com

ข่าว

ลองเล่น OPPO F1 Plus ว่ามันพลัสกว่ายังไง แล้วคุ้มค่าแค่ไหนกับเงินที่จ่ายไป 15,990 บาท....?

สมาร์ทโฟน (Smartphone)   |   วันที่ : 25 พฤษภาคม 2559

Advertorial : หลังจากคราวที่แล้ว พาไปทำความรู้จักเรื่องราวของกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (คลิกอ่าน Siamphone.com) ลำดับต่อไปมาเจาะลึกสเปก โดยสงสัยไหมว่า OPPO F1 Plus นั้นพลัสกว่ายังไง มาหาคำตอบกันได้เลยครับ ทว่านอกจากสเปกแล้ว ยังพาส่องฟีเจอร์เด่น ๆ ของอีกด้วยนะ...?

 

ก่อนอื่นหลายคนอาจสงสัยว่า OPPO F1 Plus เปิดตัวมาตอนไหน ไม่เห็นรู้ข่าวเลย ต้องบอกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวเดิมทีถูกเปิดตัวในชื่อ R9 ทว่าเพื่อทำตลาดนอกประเทศจีนจึงเปลี่ยนชื่อเป็น "F1 Plus" เนื่องจากรุ่นเล็ก F1 สามารถตีตลาด และทำให้จดจำได้แล้วว่า เป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นการเซลฟี่ ดังนั้นเมื่อส่วนของสเปกทั้งหมดก็มีการอัพเกรดขึ้น จึงเพิ่มคำว่าพลัสตามหลังเข้าไปนั่นเอง 

 

ลำดับต่อไปมาดูกันหน่อยว่า OPPO F1 Plus มีความพลัสกว่ายังไง....? 

1. ขนาดตัวเครื่องที่บางกว่า : ด้วยเรื่องของดีไซน์เป็นไปตามสมัยนิยมกับวัสดุโลหะแบบ Unibody เพียงแต่คราวนี้จะมีขนาดที่บางกว่าอยู่ที่ 6.6 มิลลิเมตรเท่านั้น ในขณะที่นํ้าหนักจะมีมากกว่าเล็กน้อยคือ 145 กรัม (ของเดิม 134 กรัม) อาจเนื่องมาจากแบตฯ ที่มากกว่า

2. หน้าจอใหญ่ขึ้น ความละเอียดสูงขึ้น : มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED Capacitive แบบทัชสกรีนความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ขนาดกว้าง 5.5 นิ้ว ขอบกระจก 2.5D พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยกระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 4 

3. Color OS ที่ดูลื่นขึ้น : เนื่องจากก็ถูกปรับปรุงประสิทธิภาพให้ไหลลื่นขึ้นโดยจะเป็นเวอร์ชั่นที่อัพ เกรดขึ้นคือ 3.0 เวอร์ชั่นเดิมคือ 2.1 ส่วนฟังก์ชั่นพิเศษมีดังนี้ แสดงปริมาณ Ram ที่ว่างอยู่ เมื่อกดปุ่ม Recent Apps, แอพฯ Security Center ช่วยเคลียแรม หรือสแกนไวรัส, เมนูการจัดการแจ้งเตือนและโชว์สถานะ, การย้ายแอพฯ แบบกลุ่ม, โหมดห้ามรบกวนที่มีหลายตัวเลือก เป็นต้น

  

   

รู้จักกับ Color OS 3.0 ให้มากขึ้น...?

4. ระบบประมวลผลที่อัพเกรดขึ้น : โดย F1 Plus ได้เปลี่ยนจาก Snapdragon มาเป็น MT6755 Helio P10 ของค่าย Mediatek กับความเร็วที่เพิ่มขึ้น 2.0GHz พ่วงด้วย Ram ขนาด 4GB และพื้นที่หน่วยความจำภายใน 64GB รองรับ MicroSD Card สูงสุด 128GB ขณะที่ GPU Mali-T860 และก็มีแบตเตอรี่ 2,850 mAh โดย มาพร้อมกับเทคโนโลยี VOOC Flash Charge ชาร์จ 5 นาที สนทนาได้ประมาณ 2 ชั่วโมง

หมายเหตุ : พื้นที่หน่วยความจำสามารถใช้งานจริงประมาณ 52GB

        

5. ระบบสแกนลายนิ้วมือ : เพิ่มความเป็นส่วนตัว เนื่องจากสามารถใช้ลายนิ้วมือ เพื่อปลดล็อค, การเข้ารหัสแอพฯ หรือแม้แต่ไฟล์ต่างๆ ทำให้ใครก็ตามจะดูข้อมูล ต้องผ่านเราก่อนเท่านั้น และส่วนของปลดล็อค จากที่ทดสอบ เพียงแค่นำนิ้วไปแตะตรงๆ ที่ปุ่มโฮมก็ใช้งานได้ทันที โดยสามารถจดจำลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 แบบ

     

6. การใช้ท่าทางและการเคลื่อนไหว : หรือระบบ Gesture ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน อาทิ กดสองครั้งที่หน้าจอติดต่อกันเพื่อปลุกหน้าจอ, วาดตัว O สำหรับเปิดกล้อง, วาดตัว V เปิดไฟฉาย เป็นต้น หรือในส่วนของท่าทางดวงที่ใช้ 3 นิ้ว เพื่อแคปภาพหน้าจอ 

  

7. จอแสดงผลแบบป้องกันสายตา : เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยถนอมสายตาของเราโดยสามารถเลือกระดับการกรองแสงได้ แบ่งออกเป็น ปิดการใช้งาน, ตํ่า, กลาง, สูง 

  

8. โหมดกำลังไฟตํ่า : หรือโหมดประหยัดแบตเตอรี่ กล่าวคือ เมื่อเปิดการใช้งาน ระบบก็จะปรับแต่งสมาร์ทโฟนเพื่อช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานเพิ่มขึ้น ถ้าแบตเตอรี่ใกล้หมดแล้ว ก็เปิดโหมดดังกล่าวได้ ที่การตั้งค่า < แบตเตอรี่

9. ทำความสะอาด Rom ด้วยการลบไฟล์ขยะโดยที่ไม่ต้องดาวน์โหลดแอพฯ : เมื่อใช้งานนานเข้าก็มักจะมีไฟล์ขยะเกิดขึ้น ซึ่งหากมีสะสมอยู่ในพื้นที่เก็บข้อมูลภายในเครื่องมากเข้า ก็จะไม่เป็นผลดี ทำให้เกิดอาการหน่วง และเปลืองพื้นที่โดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นเพื่อให้เกิดการใช้งานที่ไหลลื่น ก็ต้องมีการทำความสะอาดบ้าง "กดปุ่มทำความสะอาดโดยการลบไฟล์ได้เลย" เข้าไปตั้งค่าได้ที่ : การตั้งค่าการเชื่อมต่อ < หน่วยความจำ

  

10. Smart Lock : อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยปลดล็อกสมาร์ทโฟน ด้วยวิธีการจดจำ เช่น อุปกรณ์ที่เชื่อถือได้จำพวกนาฬิกา, ระบบบลูทูธภายในรถยนต์ หรือถ้าดีไวซ์อยู่ใกล้กับสถานที่ใดที่ได้ตั้งค่าไว้ หน้าจอจะปลดล็อกให้ทันที เช่นเดียวกับระบบเสียง เข้าไปตั้งค่าได้ที่ : การตั้งค่าการเชื่อมต่อ < ความปลอด ภัยและความเป็นส่วนตัว < Smart Lock

  

11. USB-On-The-Go (OTG) : เรียกใช้ข้อมูล หรือเก็บข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา สามารถเข้าไปเปิดฟีเจอร์ดังกล่าวได้ที่ การตั้งค่าเพิ่มเติม < เลื่อนลงมาล่างสุดจะพบกับ "การเชื่อมต่อ OTG"

ก็นอกจากจะมีจุดเด่นด้านกล้องหน้าแล้ว OPPO F1 Plus ยังมีสเปกที่น่าสนใจเช่นกัน รวมถึงฟีเจอร์อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งาน โดยสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวก็วางจำหน่ายในบ้านเราอย่างเป็นทาง การแล้วที่ 15,990 บาท ส่วนคุ้มไม่คุ้มต้องลองไปสัมผัสดูครับ และส่วนของการทำความรู้จักยังไม่จบเพียงเท่านี้ ครั้งหน้าเรามาดูในส่วนของดีไซน์กันบ้างว่ามีแรงบันดาลใจมาอย่างไร

 

**บทความเพื่อการโฆษณา**

ที่มา : www.siamphone.com วันที่ : 25 พฤษภาคม 2559

95,293
อ่าน

แบ่งปันบทความ

ข่าวล่าสุด

ไฮไลท์ข่าว

หมวดข่าว

None AMP version