www.siamphone.com
อุปกรณ์เน็ตเวิร์ค (Network) | วันที่ : 15 กุมภาพันธ์ 2560
ภายหลังการเปิดตัวโครงการก่อสร้างและวางโครงข่ายเคเบิลใยแก้วใต้น้ำระหว่างประเทศ (MCT Submarine Cable) โดยความร่วมมือของบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่จาก 3 ประเทศ ได้แก่ บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ประเทศไทย บริษัท Telcotech ประเทศกัมพูชา และบริษัท Telekom Malaysia Berhad ประเทศมาเลเซีย มูลค่าภายใต้งบลงทุนกว่า 2 พันล้านบาท ในระยะทางกว่า 1,300 กิโลเมตร โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการสื่อสารของภูมิภาค (HUB of Asian) พร้อมผลักดันให้เกิดการเชื่อมต่อโครงข่ายการสื่อสารระหว่างประเทศไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก กระตุ้นให้เกิดการขยายตัวด้านการสื่อสาร การค้า การลงทุนและการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค โดยบริษัทซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ถือเป็นบริษัทเอกชนแห่งแรกที่ได้รับใบอนุญาตจากกสทช. ในการสร้างและดำเนินการวางโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำของประเทศไทย พร้อมเปิดให้บริการเต็มระบบพร้อมกันทั้ง 3 ประเทศในเดือนเมษายนนี้
คุณธีรรัตน์ ปัณฑรสูตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) และผู้อำนวยการโครงการเอ็มซีที (MCT) กล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างและวางโครงข่ายเคเบิลใยแก้วใต้น้ำระหว่างประเทศว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซิมโฟนี่ให้ความสำคัญกับระบบเคเบิลใต้น้ำ เพราะเราเชื่อมั่นว่าเป็นระบบโครงข่ายที่ดีที่สุดในโลก เนื่องจากมีความเสถียรสูง เงินลงทุนและราคาในการให้บริการไม่แพงเมื่อเปรียบเทียบกับโครงข่ายในระบบอื่นๆ ในหลายปีที่ผ่านมา อัตราการเติบโตของการสื่อสารมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจึงริเริ่มโครงการเอ็มซีทีขึ้น โดยมีพันธมิตรจากอีก 2 ประเทศเข้าร่วมด้วย ซึ่งเรามีนโยบายหลัก คือ ความเป็นกลางในการเข้าถึงโครงข่าย (Open Access) พร้อมสนับสนุนให้มีการเชื่อมต่อไปยังผู้ให้บริการรายอื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศในรูปแบบภาคพื้นดินและภาคพื้นน้ำ ซึ่งในส่วนความรับผิดชอบของ บมจ.ซิมโฟนี่ จะทำการเชื่อมต่อสัญญาณเคเบิลใยแก้วใต้น้ำจาก 2 ประเทศสู่สถานีภาคพื้นดิน โมฬี เคเบิล แลนดิ้ง สเตชั่น ที่มีพื้นที่ขนาด 2 ไร่ บนหาดแม่รำพึง จังหวัดระยอง สามารถรองรับการเชื่อมต่อได้ทั้งสัญญาณเคเบิลใต้น้ำหลักของโครงการเอ็มซีทีและสัญญาณเคเบิลใต้น้ำไปยังโครงข่ายอื่นๆ โดยเรากำหนดให้จุดเชื่อมต่อสัญญาณเคเบิลใต้น้ำอยู่ห่างจากสถานีภาคพื้นดินออกไปในอ่าวไทยประมาณ 200 กิโลเมตร ก่อนจะเชื่อมสัญญาณต่อไปยังสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา และเชราติ้ง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้เราเตรียมความพร้อมด้านการติดตั้งอุปกรณ์และขยายโครงข่ายไฟเบอร์ออพติก รวมถึงเกตเวย์ที่มีอยู่ให้เพียงพอที่จะรองรับความต้องการใช้งานโครงข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีปริมาณมากขึ้นทุกวัน ช่วยยกระดับการสื่อสารและธุรกิจภูมิภาคด้วยเทคโนโลยีที่รองรับการเชื่อมต่อทั้งรับ-ส่งข้อมูลได้สูงถึง 100 Gbps และรองรับการสื่อสารโทรคมนาคมในอาเซียนด้วยการขยายตัวได้มากถึง 30 Tbps เพื่อที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางโทรคมนาคมของประเทศในกลุ่มอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งมีส่วนช่วยในการส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศให้ไปสู่ระดับภูมิภาค
กลุ่มลูกค้าของซิมโฟนี่ ในระยะเริ่มแรกจะเป็นกลุ่มลูกค้าเดิมในประเทศ ก่อนที่จะขยายกลุ่มลูกค้าในต่างประเทศ สำหรับลูกค้าในประเทศ คือ กลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการใช้งานโครงข่ายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี เช่น ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ (Mobile Operator) ผู้ให้บริการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider) รวมถึงผู้ให้บริการเครือข่ายอื่นๆ (Network Service Provider) ที่ได้รับใบอนุญาตให้บริการเชื่อมต่อบริการระหว่างประเทศ ซึ่งมีความต้องการในการใช้บริการโครงข่ายที่มีความจุในการรับส่งข้อมูลในปริมาณมาก โครงการเอ็มซีทีจึงถือเป็นทางเลือก หรือระบบสำหรับโครงข่ายสำรองเพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นกับระบบโครงข่ายเดิมที่ใช้งานอยู่ เราคาดการณ์ว่า หลังจากเปิดให้บริการอย่างเต็มระบบในเดือนเมษายนนี้
โครงการเอ็มซีทีจะสร้างรายได้ให้บริษัทประมาณ 90 ล้านบาท และในปี 2561 ประมาณ 120-130 ล้านบาท คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการคืนทุนประมาณ 5-6 ปี เพราะแผนพัฒนาในลำดับต่อไปของบริษัท คือการรุกสู่ลูกค้าในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอัพเปอร์อาเซียน ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้บริการกลุ่มใดก็ตาม เรายังคงรักษามาตรฐานการให้บริการในระดับพรีเมี่ยม โดยทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญที่คอยดูแล ประเมินและหาวิธีลดความเสี่ยงต่างๆ 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน นอกจากนี้ หากโครงการเอ็มซีทีเสร็จสมบูรณ์ ยังส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศด้านการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ที่มาจากค่าใช้จ่ายและการใช้อินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น เพราะจากสถิติโลกชี้ให้เห็นว่าการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของจีดีพีในทุกประเทศ อีกทั้งจากการเชื่อมโยงโครงข่ายไปยังอีก 2 ประเทศคือมาเลเซียและกัมพูชา จะช่วยให้เราสามารถให้บริการไปยังประเทศในอาเซียนหรือทวีปอื่นๆ ได้อีกมาก เรามองว่าโครงการเคเบิลใต้น้ำจะก่อให้เกิดประโยชน์กับทุกภาคส่วนและยังสอดคล้องกับนโยบาย Digital Economy ของรัฐบาลเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศไทยอีกด้วย”
จากความคืบหน้าของโครงการเอ็มซีที ตามที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น ผนวกกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ไปจนถึงการเตรียมความพร้อมของทุกประเทศ เพื่อรองรับการเปิดตัวโครงการ ซิมโฟนี่มั่นใจว่าอนาคตของโลกใหม่ในยุคที่อาเซียนจะเชื่อมต่อไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลกแบบไร้ขีดจำกัดกำลังจะมาถึงเร็วๆ นี้
ที่มา : www.symphony.net.th วันที่ : 15 กุมภาพันธ์ 2560
สรุปจุดเด่นและสเปค realme C65 หน้าจอ 90Hz ชาร์จเร็ว 45 วัตต์ รับประกันความลื่นไหลตลอดการใช้งาน 4 ปีเต็ม50 นาทีที่แล้ว
ทำความรู้จัก Redmi 13C 5G หน้าจอ 90Hz กล้องหลัง 50MP แบตฯ 5000mAh ชาร์จเร็ว 18 วัตต์3 ชั่วโมงที่แล้ว
ปลดล็อก Sliding Fingerprint กับ HUAWEI nova 12i ง่ายขึ้น ไวขึ้น ฟีลอย่างกู๊ด17 ชั่วโมงที่แล้ว
Black Shark GT3 สมาร์ทวอทช์จอ AMOLED โค้งแบบสะพาน แบตเตอรี่นาน 10 วัน19 ชั่วโมงที่แล้ว
Redmi Note 13R ดีไซน์ใหม่ พรีเมียมยิ่งขึ้น เปลี่ยนชิปเซ็ตใหม่ Snapdragon 4 Gen 2 Advanced Edition21 ชั่วโมงที่แล้ว
Huawei MateBook X Pro 2024 ดีไซน์บางเฉียบ ขุมพลัง Intel Core Ultra พร้อมโมเดล AI
สรุปจุดเด่นและสเปค iQOO Z9 5G หน้าจอ 144Hz กล้อง 50MP กันน้ำ IP64 ลำโพงสเตอริโอ เสียง Hi-Res
MG EXE 181 ซุปเปอร์คาร์ไฟฟ้าจาก MG พุ่งทะยานทะลุไมล์ 0-100 กม./ชม. ใน 1.9 วินาที!
Apple ลั่นกลองประกาศกิจกรรม 7 พ.ค. 2024 คาดส่ง iPad รุ่นใหม่ อาจเห็น Apple Pencil รุ่น 3 มาด้วย