www.siamphone.com

ข่าว

Pocophone F1 เผชิญหน้า OnePlus 6 ! ฉายานักฆ่าเรือธง ถึงเวลาเปลี่ยนมือแล้วหรือยัง ?

สมาร์ทโฟน (Smartphone)   |   วันที่ : 30 สิงหาคม 2561

ในที่สุด Pocophone F1 (ที่มาของแบรนด์ Poco) สมาร์ทโฟนสุดคุ้มประจำปี ค.ศ. 2018 ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วที่ประเทศไทย ซึ่งมีราคาเริ่มต้นเพียง 10,990 บาทเท่านั้น แต่ทำไม Pocophone F1 ถึงเรียกว่า "สุดคุ้ม" ได้อย่างเต็มปาก ? จุดนี้น่าสนใจ เนื่องจาก Pocophone F1 จัดสเปคมาเต็มพิกัด เทียบเคียงได้ในระดับสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปจากแบรนด์อื่นๆ โดยมีจุดประสงค์เน้นความเร็วในการใช้งานเป็นหลัก และใส่ฟีเจอร์ที่จำเป็นเท่านั้น เกริ่นคร่าวๆ มาขนาดนี้ พอจะขึ้นแท่นรับฉายา "นักฆ่าเรือธง" ได้หรือยัง ?

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2014 ฉายา "นักฆ่าเรือธง" ได้ถือกำเนิดขึ้นรุ่นแรกกับ OnePlus One สมาร์ทโฟนที่เน้นไปในเรื่องของสเปคแบบจัดเต็ม แต่มีราคาเปิดตัว 16,999 บาทเท่านั้น ซึ่งช่วงนั้นสมาร์ทโฟนระดับท็อปจะมีราคาประมาณ 22,000 บาทขึ้นไปทั้งหมด จนถึงปัจจุบัน OnePlus ก็สานต่อความเป็นนักฆ่าเรือธงมาตลอด จนล่าสุดเป็น OnePlus 6 ในปี ค.ศ. 2018 ที่ยังคงทำตามแนวทางของค่าย พร้อมราคาเปิดตัวที่ 17,999 บาท

แต่แล้วบัลลังก์ฉายา "นักฆ่าเรือธง" ของ OnePlus เหมือนจะสั่นคลอนเข้าให้ ด้วยการเปิดตัวของ Pocophone F1 ช่วงปลายเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2018 ที่จัดเต็มในเรื่องของสเปคแบบสุดโต่งเหมือนกับ OnePlus แต่กลับมีราคาที่ตื่นตาตื่นใจกว่า แตะอยู่ที่ 10,990 บาทเท่านั้น ทำให้เริ่มเป็นที่จับตามองของสื่อ และคนที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ทันที ทีนี่มาดูข้อแตกต่างระหว่าง OnePlus 6 และ Pocophone F1 กันดีกว่าว่า ใครคือตัวจริงสำหรับฉายา "นักฆ่าเรือธง" ณชั่วโมงนี้

 

สเปคภายใน

เปิดประเด็นด้วยสเปคภายในตัวเครื่อง เพราะนี้คือข้อมูลหลักของการเป็น "นักฆ่าเรือธง" โดยทั้ง Pocophone F1 และ OnePlus 6 มาพร้อมชิพเซ็ต Qualcomm Snapdragon 845 พร้อมกับ AIE (ทำงานร่วมกับ AI) ซึ่งเป็นรุ่น CPU ตัวแรงที่สุดของ Qualcomm ในขณะนี้ (เฉพาะช่วงที่เขียนข่าวนี้) และมีความเร็วสัญญาณนาฬิกาที่ 2.8GHz เท่ากันเป๊ะๆ ส่วน GPU ก็ใช้เป็น Adreno 630 เหมือนกัน

 

แต่ทาง Pocophone F1 ดูจะเหนือกว่า ตรงระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว (Liquid Technology) ทำให้ตัวเครื่องมีอุณหภูมิที่เย็นขึ้น เมื่อมีการใช้งานหนักๆ

ทั้ง 2 รุ่นจะใช้ RAM แบบ LPDDR4X และหน่วยเก็บข้อมูลภายในก็เป็นใช้ตัวเทคโนโลยี UFS 2.1 เหมือนกัน โดย Pocophone F1 จะมีให้เลือก 6GB+64GB, 6GB+128GB และ 8GB+256GB (ตัวเลือกหลังต้องรอว่าจะมีการนำเข้าไทยหรือไม่) ส่วน OnePlus 6 จะมีให้เลือก 6GB+64GB, 8GB+128GB, 8GB+128GB และ 8GB+256GB ทำให้ OnePlus 6 จะมีตัวเลือกมากกว่าเล็กน้อย

 

การออกแบบ

Pocophone F1 ออกมายืนยันชัดเจนว่าใช้วัสดุในการผลิตตัวเครื่องเป็น Polucarbonate หรือพลาสติกชนิดหนึ่ง แต่ถ้าเกิดอยากได้วัสดุที่มีความแข็งแกร่งและสวยงามมากกว่า ต้องเพิ่มเงินอีกในการซื้อรุ่น Pocophone F1 Armoured Edition ซึ่งจะทำจากวัสดุจากเคฟล่า (Kevlar) ที่มีความแข็งแกร่งสูง (ยังไม่มีการยืนยันว่าจะนำเข้าไทยหรือไม่)

ด้านตัวเครื่อง OnePlus 6 ทำจากกระจกเป็นวัสดุหลัก ซึ่งเป็นวัสดุที่สมาร์ทโฟนรุ่นท็อปมักนำมาใช้ในช่วงหลัง ตรงจุดนี้ทำให้ OnePlus 6 ดูดีมีความพรีเมี่ยมมากกว่า แต่เรื่องของขนาด ถือว่าทั้ง 2 รุ่นมีขนาดพอๆ กันไม่ได้ต่างกันมากนัก

หน้าจอแสดงผล

นี้คืออีกสิ่งที่ทั้ง 2 อย่างแตกต่างกันอย่างได้ชัด โดย OnePlus 6 จะโดดเด่นกว่า ด้วยการใช้หน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ขนาด 6.28 นิ้ว อัตราส่วน 19:9 ความละเอียด FHD+ (2280x1080 พิกเซล) ส่วน Pocophone F1 ใช้หน้าจอ IPS-LCD ขนาด 6.18 นิ้ว อัตราส่วน 18.7:9 ความละเอียด FHD+ (2246x1080 พิกเซล) แน่นอนว่าจอ AMOLED ของ OnePlus 6 จะให้สีที่สดกว่า แถมรอยบากทางด้านบนยังมีขนาดเล็กกว่าอีกด้วย

 

ระบบสแกนใบหน้า

แต่ใช่ว่ารอยบากของ Pocophone F1 ที่มีขนาดใหญ่กว่าจะไม่มีลูกเล่นอะไรใส่เข้ามา เพราะมีการใส่ระบบสแกนใบหน้าแบบอินฟราเรท ทั้งเลนส์อินฟราเรทและแสงอินฟราเรท ทำให้ปลดล็อกได้อย่างแม่นยำ แม้ว่าอยู่ในที่แสงน้อยก็ตาม ซึ่งทาง OnePlus 6 ไม่มีฟีเจอร์นี้ใส่มาด้วย ทำให้รอยบางทางด้านบนมีขนาดเล็กกว่า แถมการปลดล็อกใบหน้ายังไม่แม่นยำเท่าที่ควร และเคยมีข่าวว่าปลดล็อกด้วยรูปภาพผ่านด้วย

 

กล้องถ่ายรูป

ถ้าว่ากันตามสเปคของกล้องถ่ายรูป เห็นทีทาง OnePlus 6 จะดูดีกว่าเล็กน้อย เพราะมีกล้องหลังเลนส์หลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7 ขนาดพิกเซล 1.22um โฟกัสอัตโนมัติ DCAF มีระบบกันสั่นทั้ง OIS และ EIS ส่วนเลนส์ที่ 2 มีความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7 ขนาดพิกเซล 1.0um โฟกัสอัตโนมัติ PDAF และกล้องหน้ามีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 ขนาดพิกเซล 1.0um ด้านฟีเจอร์อื่นๆ ที่สำคัญก็ใช้งานได้หมด ทั้งปรับหน้าสวย ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ เป็นต้น

ซึ่งจุดเสียของ Pocophone F1 คือไม่มีระบบกันสั่น OIS มีเพียง EIS สำหรับการถ่ายวิดีโอเท่านั้น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรดีเลย ขอว่ากันที่สเปคตามกระดาษก่อน โดยกล้องหลังเลนส์หลักมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 ขนาดพิกเซล 1.4um โฟกัสอัตโมัติด้วย Dual Pixel ส่วนเลนส์ที่ 2 มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 ขนาดพิกเซล 1.12um และกล้องหน้ามีความละเอียด 20 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ pixel-binning เพื่อการถ่ายที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ส่วนสิ่งที่ทำให้ Pocophone F1 ดูดีขึ้นมา คือการทำงานร่วมกับ AI ในการปรับแต่งต่างๆ ทั้ง AI Beautify, AI Portrait mode และที่สำคัญ AI Scene Detection ที่จะปรับแต่งภาพแบบอัตโนมัติให้กว่า 25 แบบ รวม 206 ซีน

แบตเตอรี่

ตัวเลขของขนาดแบตเตอรี่ ทาง Pocophone F1 ชนะมาแต่ไกล ด้วยขนาด 4,000mAh ในขณะที่ Oneplus 6 มีขนาดแบตเตอรี่เพียง 3,300mAh เท่านั้น และทั้ง 2 รุ่นรองรับระบบชาร์จแบตเตอรี่ไว โดย Pocophone F1 มีระบบ Quick Charge 3.0 ส่วน OnePlus 6 มีระบบ Dash Charge

 

ฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจ

ทั้งคู่มีระบบเชื่อมต่อที่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น Bluetooth 5.0 (รองรับ aptX HD), ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, USB Type-C, สแกนใบหน้า และสแกนลายนิ้วมือ แต่ Pocophone F1 จะมีข้อได้เปรียบตรงใส่ MicroSD การ์ดเพิ่มได้ ในขณะที่ OnePlus 6 ไม่รองรับ MicroSD การ์ด

สรุป OnePlus 6 ก็มีข้อดีและฟีเจอร์เด่นๆ อยู่มากมาย เหมาะสมกับราคาเริ่มต้น 17,999 บาท เรียกว่าคุ้มยังได้อยู่ แต่สำหรับ Pocophone F1 กับราคาเริ่มต้น 10,990 บาท ถือว่าคุ้มเกินราคาไปมาก ทั้งสเปคและฟีเจอร์ที่ใส่เข้ามาแบบจัดเต็ม โดยส่วนตัวมองว่า หลังจากนี้ฉายา "นักฆ่าเรือธง" น่าจะถึงเวลาเปลี่ยนมือแล้ว !!

ที่มา : www.androidauthority.com วันที่ : 30 สิงหาคม 2561

12,912
อ่าน

แบ่งปันบทความ

ข่าวล่าสุด

ไฮไลท์ข่าว

หมวดข่าว

None AMP version