ข่าว

รีวิว iPad Pro 9.7 ทำงานเร็วขึ้นด้วยชิป A9X กล้องหลัง iSight 12 ล้าน รองรับ Live Photo และอุปกรณ์เสริม Apple Pencil

แท็บเล็ต (Tablet) | วันที่ : 5 สิงหาคม 2559

รีวิวแท็บเล็ต (Review)iPad Pro 9.7 - แอปเปิ้ล

iPad Pro 9.7 แท็บเล็ตรุ่นล่าสุดจากทาง Apple ที่ได้มีการปรับเปลี่ยนขนาดหน้าจอเล็กลงกว่ารุ่นเดิม เหลือเพียง 9.7 นิ้ว แต่ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน อาทิ CPU, กล้องถ่ายรูป, เทคโนโลยีด้านหน้าจอ หรือเสียง และอื่นๆ ให้มีคุณภาพ นอกจากนี้ กล้องถ่ายรูปยังรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K มาพร้อมพร้อมกับลำโพงเสียง 4 ตัว ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมก็จะได้เสียงคมชัด สมจริง และรองรับการใช้งานคู่กับ Apple Pencil ได้เช่นเดิม

รูปลักษณ์ภายนอกLook & Design

iPad Pro 9.7 มีตัวเครื่องผลิตจากอลูมิเนียม Unibody ชิ้นเดียว ทั้งยังมีความบางและน้ำหนักเบา โดยเพิ่มสีใหม่อย่าง Rose Gold มาอีกหนึ่งตัวเลือก ซึ่งจะมีขนาด 169.5x240x6.1 มิลลิเมตร น้ำหนักเบาเพียง 437 กรัม สำหรับรุ่น Wi-Fi และน้ำหนัก 444 กรัม ในรุ่น Wi-Fi + Cellular

หน้าจอแสดงผล Retina มาพร้อมคุณสมบัติใหม่ที่เรียกว่า True Tone โดยเป็นการใช้เซ็นเซอร์วัดแสงสว่างรอบข้างเพื่อปรับความสว่างของจอภาพให้ตรงกับสภาพแสงในขณะนั้น มองแล้วสบายตาและเป็นธรรมชาติ มีขนาดกว้าง 9.7 นิ้ว ความละเอียด 2048x1536 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซล 264 พิกเซลต่อนิ้ว (ppi)

เหนือหน้าจอขึ้นไปมีเลนส์กล้องถ่ายรูปด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ส่วนด้านล่างของหน้าจอเป็นปุ่มโฮม (Home) รองรับการใช้งานเซ็นเซอร์ Touch ID

ตัวเครื่องด้านบนของ iPad Pro 9.7 จากทางด้านซ้าย จะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ถัดไปเป็นลำโพงสเตอริโอซ้าย-ขวา และสุดท้ายเป็นปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือพักหน้าจอ

ตัวเครื่องด้านล่างมีลำโพงสเตอริโออีก 2 ตัว อยู่ระหว่างช่องต่อสาย Lightning

ด้านขวาของตัวเครื่องจะมีปุ่มปรับระดับเสียงเพิ่ม-ลด และไมโครโฟนคู่

ส่วนตัวเครื่องด้านซ้ายมี Smart Connector ใช้สำหรับต่อกับคีย์บอร์ดไร้สาย

ตัวเครื่องด้านหลังจะมีเลนส์กล้องถ่ายรูป iSight นูนขึ้นมาจากตัวเครื่อง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ถัดลงมาด้านล่างเป็นไฟแฟลช True Tone และด้านข้างมีรูไมโครโฟนอีก 1 ตัว นอกจากนี้ ยังมีรูปโลโก้ Apple อยู่ตั้งกลาง และด้านล่างเป็นข้อมูลตัวเครื่อง

อุปกรณ์ภายในกล่อง

iPad Pro 9.7
สาย Lightning to USB
อแดปเตอร์ชาร์จไฟ
คู่มือการใช้งาน

การเปรียบเทียบขนาดตัวเครื่อง iPad Pro 9.7 เมื่อถือใช้งานในมือของผู้ชาย (ซ้าย) และมือผู้หญิง (ขวา)

เมนู & ฟังก์ชันMenu & Function

ระบบปฎิบัติการ

iPad Pro 9.7 รันบนระบบปฎิบัติการ iOS 9.3.3 มีการปรับอินเทอร์เฟซให้ดูง่าย ใช้งานสะดวกขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มฟังก์ชั่น Night Shift โดยเซ็นเซอร์จำงานร่วมกับนาฬิกและตำแหน่งที่ผู้ใช้อาศัยอยู่ เมื่อตกกลางคืนจะปรับจอภาพให้ออกโทนอุ่น ทำให้ใช้งานสบายตา และยังมีผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Siri ที่รองรับการสั่งงานโดยไม่ต้องกดปุ่ม

หน้าจอล็อกสกรีน

หน้าจอล็อกสามารถตั้งค่าเพื่อความเป็นส่วนตัว หรือป้องกันผู้อื่นเข้าใช้งาน ทำได้โดยการตั้งรหัสผ่านจำนวน 6 หลัก หรือจะเปลี่ยนเป็น 4 หลักแบบที่ใช้กันมาก่อนหน้านี้ก็ทำได้ นอกจากนี้ ยังรองรับระบบ Touch ID ที่ปุ่มโฮม ปลดล็อคด้วยลายนิ้วมือ ซึ่งสามารถเพิ่มได้ถึง 5 นิ้ว และปลดล็อคง่ายเพียงกดเบาๆ หนึ่งครั้ง

หน้าจอหลัก

หน้าจอหลักบน iPad Pro 9.7 จะแสดงแอพพลิเคชั่น 4x5 แถว ในแนวตั้ง และ 5x4 แถวในแนวนอน โดยที่เลื่อนแถบด้านบนลงมาจะเป็นหน้าต่างแสดงการแจ้งเตือน พร้อมกันนี้แถบด้านล่างเมื่อขึ้นด้านบนจะเป็นหน้าของการตั้งค่าทางลัด เช่น เปิด-ปิด Wi-Fi, ปรับความส่วางหน้าจอ, เปิดโหมด Airplane, เข้าสู่กล้องถ่ายรูป และอื่นๆ

คีย์บอร์ด

ออกาไนเซอร์พื้นฐาน

จุดเด่นน่าสนใจSpecial & Features

ข้อมูลสเปก iPad Pro 9.7

จอภาพ : Retina แบบ Multi-Touch แบ็คไลท์แบบ LED ขนาด 9.7 นิ้ว (แนวทแยง)
ความละเอียด 2048 x 1536 พิกเซล ความหนาแน่น 264 พิกเซลต่อนิ้ว (ppi)
ชิพ : ชิพ A9X พร้อมสถาปัตยกรรม 64 บิต ระดับเดสก์ท็อป โปรเซสเซอร์ร่วม M9
กล้อง : กล้องถ่ายรูปด้านหลัง iSight ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, แฟลช True Tone และกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
ความจุ : 32GB, 128GB, 256GB
สนับสนุนการใช้งาน Touch ID
สี : เงิน, ทอง, เทาสเปซเกรย์ และ โรสโกลด์

การทดสอบความเร็ว และการแสดงผลของเครื่อง

ผลทดสอบความเร็ว Benchmark ด้วย AnTuTu Benchmark ได้ 171,295 คะแนน

การแสดงผลแบบ True Tone

หน้าจอแสดงผลบน iPad Pro 9.7 ได้เพิ่มความสว่างขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน ทำให้การใช้งานสบายตาขึ้นทั้งในที่ร่มและที่แจ้ง เมื่อเทียบกับ iPad Air 2 ได้ลดแสงสะท้อนลงถึง 40% นอกจากนี้ ยังถูกนำเทคโนโลยี True Tone เข้ามาพร้อมกับเครื่อง ซึ่งเป็นการทำงานด้วยเซ็นเซอร์วัดแสงสว่าง โดยจะปรับสีและความสว่างของหน้าจอให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในขณะนั้น ทำให้เมื่อเราใช้งานไม่ว่าจะอยู่ในที่ที่มีแสงมาก แสงน้อย ใต้แสงไฟ ก็ใช้งานสบายตาและเป็นธรรมชาติ (สามารถเลือกเปิด-ปิด การใช้งานได้)

Touch ID

ระบบป้องกันความปลอดภัยด้วย Touch ID ได้ถูกนำมาใช้บน iPad รุ่นใหม่นี้เช่นกัน โดยสามารถใช้เพื่อปลดล็อคเข้าสู่การทำงาน หรือจะใช้งานการซื้อแอพพลิเคชั่นง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องใส่รหัส ทั้งนี้ การใช้งาน Touch ID บน iPad Pro 9.7 เข้าถึงง่ายขึ้น เพียงกดที่ปุ่มโฮม 1 ครั้ง ซึ่งก่อนใช้งานจะต้องเข้าไปตั้งค่าที่ Touch ID & Passcode > Add a Fingerprint > วางนิ้วมือที่เราต้องการใช้เพื่อปลดล็อคให้ระบบสแกนจนเสร็จสิ้น และทำอีกหนึ่่งครั้งเพื่อความแม่น ซึ่งรองรับการใช้งานสูงสุดถึง 5 ลายนิ้วมือ

ลำโพงเสียง 4 ตัว

iPad Pro 9.7 มีระบบเสียง 4 ลำโพงที่ด้านบนและด้านล่างตัวเครื่อง ทำให้การเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ได้อรรถรสยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีเซ็นเซอร์ที่คอยตรวจเวลาใช้งานไม่ว่าจะแนวตั้ง หรือแนวนอน ทำให้ลำโพง 2 ตัวที่อยู่ด้านบนทำงานดังกว่าอีก 2 ตัวด้านล่าง แต่เสียงเบสจะออกทั้ง 4 ตัว ซึ่งเมื่อทดลองฟังเพลงแล้ว เสียงจะดังกว่า iPad รุ่นก่อนจริง

หน่วยประมวลผล

iPad Pro 9.7 มาพร้อมชิพ A9X ร่วมกับโปรเซสเซอร์ร่วม M9 ทำให้การทำงานลื่นไหลดี เช่นการถ่ายวิดีโอที่มีความละเอียด 4K แล้วมานำมาตัดบน iMovie ก็ตอบสนองดีไม่สดุด ทั้งยัง ส่งผลให้การทำงานของแบตเตอรี่ยาวนานขึ้น

ทดสอบการเล่นเกม

ลองเล่นเกมที่มีกราฟฟิกเยอะๆ จะเห็นว่า iPad Pro 9.7 ทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็นความลื่น หรือกราฟฟิกต่างๆ ก็เป็นในทิศทางเดียวกัน ภาพไม่กระดุก

กล้องถายรูป iSight และกล้อง FaceTime HD

iPad Pro 9.7 มาพร้อมกับกล้องถ่ายรูปหลัก iSight ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล โดยเป็นกล้องตัวเดียวกับที่อยู่บน iPhone 6s Plus ทำให้มีฟังก์ชั่นใหม่มาเพิ่มอย่าง Live Photo ที่มีใน iPad รุ่นนี้รุ่นแรก ซึ่งเป็นการเก็บภาพไหวก่อนและหลังที่จะบันทึกภาพพร้อมกับเสียง สามารถกดดูโดยการกดค้างบนภาพที่บันทึกไว้ ทั้งยังรองถ่ายภาพพาโนรามาความละเอียด 63 ล้านพิกเซล หรือจะบันทึกวิดีโอภาพเคลื่อนไหวความละเอียด 4K นอกจากนี้ ยังไฟแฟลช True Tone ที่ช่วยปรับสภาพแสง เมื่อถ่ายรูปออกมาจะดูเป็นธรรมชาติ

นอกจากนี้ กล้อง FaceTime HD หรือกล้องถ่ายรูปด้านหน้า ยังมีความละเอียดถึง 5 ล้านพิกเซล เมื่อใช้ FaceTime หรือเซลฟี่ก็ได้รูปที่ออกมาคมชัด ซึ่งยังมีหน้าจอแบบ Retina Flash เป็นการใช้แฟลชหน้าจอ เพื่อทำให้รูปที่ถ่ายออกมาสมจริง และมีโทนสีเป็นธรรมชาติ

คุณสมบัติในการถ่ายภาพนิ่ง

ความละเอียดของภาพถ่ายจากกล้องหลัง : 5856x3742 (พาโนรามา), 4032x3024 (รูปภาพ), 3024x3024 (จัตุรัส) พิกเซล
ความละเอียดของภาพถ่ายจากกล้องหน้า : 1932x2576 (รูปภาพ), 1932x1932 (จัตุรัส) พิกเซล
ไฟแฟลช : อัตโนมัติ, เปิด, ปิด
Live Photo : ปิด, เปิด (สีเหลือง)
ตัวจับเวลา : ปิด, 10 วินาที, 3 วินาที
HDR : อัตโนมัติ, เปิด, ปิด
ปุ่มสลับกล้องหน้า-หลัง

คุณสมบัติการถ่ายภาพวีดีโอ

ความละเอียดของภาพวีดีโอจากกล้องหลัง : 1920x1080 (วิดีโอ), 1280x720 (สโลว์โมชั่น), 1920x1080 (ไทม์แลปส์) พิกเซล
ความละเอียดของภาพวีดีโอจากกล้องหน้า : 1280x720 (วิดีโอ), 1280x720 (ไทม์แลปส์) พิกเซล
ไฟแฟลช : อัตโนมัติ, เปิด, ปิด

อุปกรณ์เสริม

Apple Pencil

รองรับการใช้งานกับ iPad Pro 9.7 เหมือนกับรุ่นก่อน ซึ่งตัว Apple Pencil จะมีขนาดที่จับแล้วเหมือนดินสอหรือปากกาที่ใช้งานในทุกๆ วัน โดยรองรับการใช้งานทั้งวาดดรูป งานเอกสาร ออกแบบ เขียนแบบ และอื่นๆ ซึ่งการใช้งานตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว การขีดเขียนมีความลื่น แต่เวลาเขียนฝามือจะต้องไม่สัมผัสบนหน้าจอ เพราะหากสัมผัสแล้ว Apple Pencil จะเขียนไม่ติด นอกจากนี้ แรงกดหนัก-เบา หรือองศาของการจับ Apple Pencil ก็ส่งผลต่อเส้นที่ออกมาจะหนา หรือบาง

อุปกรณ์ที่มีมาให้ในกล่อง

Apple Pencil
Lightning Adapter
Tip สำรอง

Smart Keyboard

เป็นคีย์บอร์ดขนาดเล็กมีเพียง 5 แถว โดยสวมเข้ากับ iPad ด้วยพอร์ต Smart Connector รองรับการทำงานเป็นภาษาอังกฤษ โดยจะมีทั้งหมด 64 ปุ่ม ซึ่งน่าเสียดายไม่มีภาษาไทย นอกจากนี้ Smart Keyboard ยังใช้งานเป็น Smart Cover ได้ในตัว ในขณะที่เราไม่ใช้คีย์บอร์ดก็สามารถพับเก็บไว้ข้างในได้ ซึ่งจะไม่เทอะทะเพราะมีความหนาเพียง 4 มิลลิเมตรเท่านั้น ด้านนอกเคลือบโพลียูรีเทน กันน้ำ กันเปื้อน ด้านในยังใช้วัสดุที่มีความนุ่ม เพื่อช่วยปกป้องหน้าจอจากการขีดข่วนได้อีกด้วย โดยจะมีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีขาว และสีเทาชาร์โคล

ปัจจุบันทาง Apple ได้นำคีย์บอร์ดที่รองรับการใช้งานภาษาไทยแบบ 5 แถว เข้ามาจำหน่ายแล้ว ซึ่งวัสดุและขนาดเท่ากับคีย์บอร์ดภาษาอังกฤษ วางจำหน่ายในราคา 5,700 บาท

Smart Cover

ออกแบบมาใหม่ด้วยการเคลือบโพลียูรีเทน ด้านในบุด้วยวัสดุที่มีความนุ่ม เพื่อปกป้องหน้าจอจากรอยขีดข่วน นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งานตั้งวาง หรือใช้ปิดหน้าจอให้อยู่ในโหมดพักได้ โดยจะมีให้เลือกมาถึง 12 สี ได้แก่ สีขาว, สีสโตน, สีเหลือง, สีส้มแอปริคอต, สีชมพูสว่าง, สีมิดไนท์บลู, สีลาเวนเดอร์, สีไลแลค, สีรอยัลบลู, สีเขียวมิ้นต์, สีเทาชาร์โคล และสีแดง (PRODUCT)RED

เคสซิลิโคน

ออกแบบมารองรับการใช้งานกับกับ Smart Cover ให้เข้ากันได้เป็นอย่างดี โดยสามารถป้องกันตัวเครื่องด้านหลัง ทั้งยังเว้นตรงเลนส์กล้องถ่ายรูปเพื่อให้ใช้งานได้สะดวก รวมถึงพอร์ตต่างๆ และด้านในยังเลือกใช้วัสดถที่มีความนุ่ม ไม่ทำให้ตัวเครื่องเป็นรอย ซึ่งจะมีให้เลือกใช้งานเข้ากับ Smart Cover ทั้ง 12 สี ได้แก่ สีขาว, สีสโตน, สีเหลือง, สีส้มแอปริคอต, สีชมพูสว่าง, สีมิดไนท์บลู, สีลาเวนเดอร์, สีไลแลค, สีรอยัลบลู, สีเขียวมิ้นต์, สีเทาชาร์โคล และสีแดง (PRODUCT)RED