www.siamphone.com
สมาร์ทโฟน (Smartphone) | วันที่ : 3 กุมภาพันธ์ 2568
OPPO Reno13 F 5G และ OPPO Reno13 5G สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจาก OPPO Reno13 Series ผสานลวดลายผีเสื้ออันงดงาม นำพาไปสู่โลกกว้างใหญ่ เสมือนการเปลี่ยนแปลงและการเริ่มต้นใหม่ครั้งใหญ่ในเอกลักษณ์ใหม่ของ Reno Series ที่ได้รับการออกแบบเพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานสมาร์ตโฟนให้เหนือกว่า ด้วยการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี AI อันทรงพลังและฟีเจอร์อันล้ำสมัย ทั้งในด้านการถ่ายภาพ, การเล่นเกม, การเชื่อมต่อ 5G, และประสิทธิภาพโดยรวม ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัวที่รองรับการถ่ายภาพที่หลากหลายและเทคโนโลยี AI Livephoto ที่จะช่วยให้การถ่ายภาพและวิดีโอเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ ในขณะเดียวกัน AI HyperBoost และ AI LinkBoost 2.0 ก็ช่วยให้การเล่นเกมลื่นไหลและเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็วไม่มีสะดุด แบตเตอรี่ขนาดใหญ่และการชาร์จไว ทำให้ OPPO Reno13 Series เป็นสมาร์ตโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่พร้อมมอบประสบการณ์และความคุ้มค่าตลอดการใช้งาน
ประสบการณ์การถ่ายภาพสมบูรณ์แบบด้วย AI และฟีเจอร์ล้ำสมัย
OPPO Reno13 F 5G และ OPPO Reno13 5G มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ได้แก่
ในส่วนของกล้องหน้า OPPO Reno13 F 5G มีกล้องหน้า ความละเอียด 32MP พร้อมรูรับแสง f/2.4 ส่วน OPPO Reno13 5G มีกล้องหน้า ความละเอียด 50MP พร้อมรูรับแสง f/2.0 รองรับ AF
AI Livephoto
เปิดประสบการณ์ใหม่ของการถ่ายภาพด้วย AI Livephoto บน OPPO Reno13 Series 5G ที่สามารถบันทึกวิดีโอ 1.5 วินาทีก่อนและหลังการกดชัตเตอร์ พร้อมเทคโนโลยีลดการสั่นไหว (EIS) และการขยายเฟรมแบบไดนามิก ช่วยให้คุณได้ภาพถ่ายและวิดีโอที่คมชัด สมบูรณ์แบบในทุกสถานการณ์
ยกระดับการแสดงผลด้วยการอัปเกรดวิดีโอจาก 1080P เป็น 2K พร้อมเทคโนโลยี Pro XDR ที่เพิ่มความคมชัดและความสดใสในทุกคีย์เฟรม อีกทั้งยังมีเอฟเฟกต์รีทัชและฟิลเตอร์ที่หลากหลายให้คุณปรับแต่งภาพถ่ายได้ตามสไตล์ของตัวเอง นอกจากการถ่ายภาพแล้ว AI Livephoto ยังช่วยให้การปรับแต่งภาพเป็นเรื่องง่าย ด้วยฟิลเตอร์ เอฟเฟกต์แต่งหน้า และการแก้ไขแบบเรียลไทม์ คุณสามารถเพิ่มลายน้ำ ใส่กรอบภาพ หรือแปลงภาพ Livephoto เป็น GIF และวิดีโอ พร้อมแชร์บนโซเชียลมีเดียยอดนิยมอย่าง Instagram และ WhatsApp ได้ทันทีผ่าน O+ Connect ที่เชื่อมต่อกับ iOS อย่างไร้รอยต่อ
โหมดถ่ายภาพใต้น้ำ
OPPO Reno13 Series เป็นสมาร์ตโฟนราคาระดับกลางรุ่นเดียวจาก OPPO ที่มาพร้อม โหมดถ่ายภาพใต้น้ำโดยเฉพาะ สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการถ่ายภาพผ่านมือถือ ที่ไม่ได้มีดีแค่การถ่ายภาพใต้น้ำ แต่ยังช่วยให้การบันทึกภาพเป็นเรื่องง่ายและได้คุณภาพสูงสุด
ด้วยมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP69 สมาร์ตโฟนรุ่นนี้สามารถใช้งานใต้น้ำได้ลึกถึง 2 เมตร นานสูงสุด 30 นาที โดยโหมดถ่ายภาพใต้น้ำจะช่วยปรับการทำงานของกล้องให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ เช่น การโฟกัส สี และคอนทราสต์ เพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนสีและการบิดเบือนของสีที่เกิดขึ้นใต้น้ำ ทำให้ได้ภาพถ่ายและวิดีโอที่คมชัด สีสันสดใส และดูเป็นธรรมชาติ
เปรียบเทียบ ภาพถ่ายเหนือน้ำ กับ ภาพถ่ายใต้น้ำ
นอกจากนี้ การควบคุมกล้องในโหมดนี้ยังทำได้สะดวกด้วยปุ่มปรับระดับเสียง เพิ่มความคล่องตัวในการถ่ายภาพหรือวิดีโอใต้น้ำโดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอโดยตรง พร้อมมอบความอิสระในทุกการถ่ายภาพใต้น้ำอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีฟังก์ชัน ระบายน้ำออกจากตัวเครื่องที่ทำได้ง่ายและรวดเร็ว เพียงแตะแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
โหมด Master Filters
โหมดฟิลเตอร์พิเศษนี้ ช่วยเพิ่มความพิเศษให้กับการถ่ายภาพพอร์ตเทรต ด้วยฟิลเตอร์ที่มีโทนสีที่สวยและโดดเด่น เหมือนถ่ายด้วยกล้องฟิล์ม ฟิลเตอร์จะปรับสีและคอนทราสต์ให้ภาพดูมีมิติและสวยงามขึ้น เพิ่มความลึกให้กับภาพและเน้นรายละเอียดใบหน้าและพื้นหลัง ช่วยสร้างบรรยากาศเฉพาะตัวได้อย่างมีสไตล์ โดยไม่ต้องใช้การแต่งภาพเพิ่มเติม
AI Editor ฟีเจอร์ AI สำหรับการถ่าย/แต่งภาพที่น่าสนใจ
หลังจากถ่ายภาพด้วยฟีเจอร์ AI Livephoto เสร็จแล้ว สามารถนำภาพมาแก้ไขได้เลยทันทีใน AI Editor เพื่อปรับแต่งและยกระดับคุณภาพของภาพถ่ายได้อย่างง่ายดาย ด้วยฟีเจอร์ที่ทันสมัยและหลากหลาย
สัมผัสพรีเมี่ยมและดีไซน์การออกแบบที่เหนือชั้น
OPPO Reno13 F 5G มาพร้อมฝาหลังกระจกผิวด้านดีไซน์ใหม่ ด้วยความที่เป็นผิวด้าน เวลาใช้งานจึงไม่ค่อยขึ้นรอยนิ้วมือ ทำให้จับได้ถนัดมือมากขึ้นและยังช่วยให้เวลาถือใช้งานไม่ลื่นไหลหรือหลุดออกจากมือง่ายๆ อีกด้วย
เครื่องที่ทาง Siamphone ได้มารีวิวในรุ่นนี้ จะเป็นตัวเครื่องสี Plume Purple ความพิเศษของสีนี้จะเป็นพื้นผิวขนนกที่สร้างขึ้นโดยแสงเลเซอร์เขียนโดยตรงแบบเฉดสีเทาบนเลเยอร์ของพื้นผิว สร้างการไหลของแสงและเงา ทำให้เกิดเอฟเฟกต์ลวดลายปีกผีเสื้ออันงดงามและเป็นเอกลักษณ์ใหม่สำหรับ OPPO Reno13 Series ซึ่งสื่อให้นึกถึงการเปลี่ยนแปลงและการเริ่มต้นใหม่
ส่วน OPPO Reno13 5G ที่ทาง Siamphone ได้มารีวิว จะเป็นตัวเครื่องสี Plume White ซึ่งจะมีดีไซน์ใหม่เป็นลวดลายปีกผีเสื้อเหมือนกับ OPPO Reno13 F 5G
สำหรับ OPPO Reno13 F 5G มีมาให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 สี ได้แก่
ส่วน OPPO Reno13 5G จะมีมาให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 2 สี ได้แก่
OPPO เพิ่มความพิเศษให้กับ OPPO Reno13 Series 5G โดยตัวเครื่องสีฟ้า Luminous Blue จะมีดีไซน์วงแหวน Luminous Loop ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งวงแหวนนี้เปล่งแสงรอบกล้องสะท้อนการออกแบบที่ล้ำสมัย ไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงาม แต่ยังเป็นการต่อยอดนวัตกรรมจากรุ่นก่อน ๆ และมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้อีกด้วย
OPPO Reno13 Series 5G มาพร้อมดีไซน์ขอบเหลี่ยม ช่วยให้ขณะใช้งานสามารถถือจับได้อย่างถนัดมือมากขึ้น กรอบรอบเครื่องของ OPPO Reno13 F 5G เป็นกรอบโลหะผสมที่ความทนทานและแข็งแรงสูง จับแล้วรู้สึกได้ถึงความพรีเมี่ยม ส่วนกรอบรอบเครื่องของ OPPO Reno13 5G จะเป็นวัสดุเช่นเดียวกับ OPPO Reno13 F 5G แต่เสริมด้วยกรอบอลูมิเนียมเกรดอากาศยาน ทำให้มีความเบาบาง และแข็งแรงมากกว่า
ในส่วนของหน้าจอ OPPO Reno13 F 5G มาพร้อมหน้าจอแสดงผล AMOLED กว้าง 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2400 พิกเซล) อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 92.2% รองรับอัตราการรีเฟรชเรทถึง 120Hz และความสว่างสูงสุดถึง 1200 nits แสดงผลลื่นไหล ชวนให้ดื่มด่ำกับคอนเท้นต์ที่กำลังรับชมอยู่ ช่วยให้มองเห็นได้ดีแม้เล่นกลางแจ้งในวันที่แสงแดดจ้า มีโหมดแสงน้อย ช่วยให้ใช้งานได้อย่างสบายตาในช่วงดึก อีกทั้งยังรองรับการสัมผัสหน้าจอโดยตรงได้อย่างแม่นยำและราบรื่นแม้สวมจะถุงมือหนาถึง 5 มิลลิเมตรอยู่ก็ตาม
ส่วน OPPO Reno13 5G มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล AMOLED กว้าง 6.59 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1256 × 2760 พิกเซล) อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 93.4% รองรับอัตราการรีเฟรชเรทถึง 120Hz และความสว่างสูงสุดถึง 1200 nits แสดงผลภาพออกมาได้อย่างสดใสและคมชัด อีกทั้งยังได้รับการรับรองจาก HDR10+, Amazon HD&HDR และ Netflix HD&HDR อีกด้วย
เล่นเกมราบรื่น ด้วยประสิทธิภาพ AI ขั้นสูงและการเชื่อมต่อที่เหนือกว่า
เทคโนโลยี AI LinkBoost 2.0 เป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลเครือข่ายที่ทาง OPPO พัฒนาขึ้นเอง เพิ่มความเร็วในการสลับสัญญาณอินเทอร์เน็ต หรือเครือข่ายมือถือ เพื่อรักษาการเชื่อมต่อที่ราบรื่น และลดอาการแล็กขณะเล่นเกม แม้ในพื้นที่ที่มีสัญญาณเครือข่ายที่ไม่ดี เช่น รถไฟใต้ดิน หรือในลิฟต์
AI HyperBoost ที่ช่วยให้เฟรมเรตคงที่และประสบการณ์การเล่นเกมที่ราบรื่น สามารถเล่น Mobile Legends Bang Bang ได้ถึง 8 ชั่วโมง ด้วยเฟรมเรตเฉลี่ย 59.6 FPS และมีฟังก์ชัน AI Frame Stabilizer ที่ลดความล่าช้าแม้ใช้งานหนัก นอกจากนี้ OPPO Reno13 Series 5G ยังได้รับการจัดอันดับ S-Class จากการทดสอบของ TÜV South Deutsche Group
แบตเตอรี่ยาวนาน ชาร์จไว พร้อมใช้งานตลอดทั้งวัน
ในส่วนของแบตเตอรี่ OPPO Reno13 F 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,800mAh อายุการใช้งานยาวนานถึง 4 ปี ทาง OPPO เผยว่าเป็นแบตเตอรี่ที่อึดที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน OPPO Reno Series และเป็นหนึ่งในแบตเตอรี่ที่ดีที่สุดในสมาร์ทโฟนระดับราคาเดียวกัน สามารถใช้งานได้นานถึง 2.16 วัน และเล่นเกม CandyCrush ได้นานถึง 14.4 ชั่วโมง และเมื่อชาร์จ 5 นาที สามารถเล่น Youtube ได้นานถึง 1.23 ชั่วโมง ซึ่งแบตเตอรี่ขนาดเท่านี้ เพียงพอสำหรับใช้งานตลอดทั้งวันแน่นอน อีกทั้งยังรองรับการชาร์จไว 45W SUPERVOOC รวดเร็วทันใจ ไม่ต้องรอนาน
ส่วน OPPO Reno 13 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,600mAh อายุการใช้งานยาวนานถึง 5 ปี สามารถชาร์จได้ถึง 17% ภายใน 5 นาที และชาร์จเต็ม 100% ได้ภายในประมาณ 47 นาที และเมื่อชาร์จ 10 นาที สามารถเล่น Youtube ได้นานถึง 4.0 ชั่วโมง อีกทั้งยังรองรับการชาร์จไว 80W SUPERVOOC ถือว่าไวมากจริงๆ
ขุมพลังอันทรงพลัง เสริมด้วยประสิทธิภาพที่เหนือกว่า
OPPO Reno13 F 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon® 6 Gen 1 ควบคู่ RAM 12GB + ROM 256GB / 512GB ซึ่งออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมในการใช้งานทุกประเภท ทั้งการเล่นเกม, การทำงานหลายอย่างพร้อมกัน และการเชื่อมต่อ 5G อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในด้านการประหยัดพลังงานและการจัดการความร้อนที่ดีกว่า ทำให้สามารถใช้งานได้นานโดยไม่เกิดปัญหาความร้อนสูงหรือการกระตุกในระหว่างการใช้งานหนัก
ส่วน OPPO Reno13 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8350 ควบคู่ RAM 12GB + ROM 256GB / 512GB ซึ่งมีประสิทธิภาพที่ดีในด้านการประมวลผลกราฟิกและการเชื่อมต่อ 5G ซึ่งจะโดดเด่นในเรื่องการประหยัดพลังงานและการใช้งานที่ยาวนาน เมื่อเทียบกับ OPPO Reno13 F 5G
สเปคเบื้องต้นของ OPPO Reno13 F 5G
สเปคเบื้องต้นของ OPPO Reno13 5G
OPPO Reno 13 F 5G และ OPPO Reno 13 5G มีความแตกต่างกันเพียงบางจุดเท่านั้น โดยรุ่นน้องอย่าง OPPO Reno 13 F 5G มีขนาดรอบตัวเครื่องอยู่ที่ 162.20 x 75.05 x 7.76 มม. (สี Graphite Grey & สี Plume Purple) และ 162.20 x 75.05 x 7.82 มม. (สี Luminous Blue) น้ำหนัก 192 กรัม มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล AMOLED กว้าง 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 × 2400 พิกเซล) รองรับอัตรารีเฟรซเรทสูงสุด 120Hz
ส่วน OPPO Reno 13 5G มีขนาดรอบตัวเครื่องอยู่ที่ 157.90 x 74.73 x 7.24 มม. (สี Plume White) และ 157.90 x 74.73 x 7.29 มม. (สี Luminous Blue) น้ำหนัก 181 กรัม มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล AMOLED กว้าง 6.59 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1256 × 2760 พิกเซล) รองรับอัตรารีเฟรซเรทสูงสุด 120Hz
ด้านบนของหน้าจอทั้ง 2 รุ่น เป็นกล้องหน้าเจาะรูแบบ Punch-hole โดย OPPO Reno13 F 5G มีความละเอียด 32MP พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.4 ส่วน OPPO Reno 13 5G มีความละเอียด 50MP พร้อมรูรับแสง f/2.0 เหนือขึ้นไปบริเวณขอบจอเป็นลำโพงเสียง ซึ่งรุ่น OPPO Reno 13 F 5G จะมีความใหญ่เล่นเห็นชัดมากกว่า รอบตัวเครื่องของทั้ง 2 รุ่น ประกอบไปด้วย
OPPO ได้ดำเนินการอัปเดตซอฟต์แวร์ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งสมาร์ตโฟนรุ่น Find X8, Reno 13, Reno 12 และ A3 ได้รับการอัปเดตผ่าน OTA และจะไม่มีแอปพลิเคชันสินเชื่อ “Fineasy” และ “สินเชื่อความสุข” อีกต่อไป โดย OPPO ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายปัจจุบันไม่มีการติดตั้งแอปสินเชื่อเหล่านี้ นอกจากนี้ บริษัทยังได้เพิ่มมาตรการกำกับดูแลแอปพลิเคชันจากบุคคลที่สาม โดยจะไม่ติดตั้งแอปสินเชื่อล่วงหน้า และแอปสินเชื่อที่ไม่ได้รับการรับรองจากธนาคารแห่งประเทศไทยจะไม่ปรากฏใน OPPO App Market อีกต่อไป
ในด้านความปลอดภัยของข้อมูล OPPO ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ โดยปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับด้านข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด ตามหลักการ “ถูกต้องตามกฎหมาย (Legality), ชอบธรรม (Legitimacy), และ Minimization” บริษัทให้ความเคารพต่อการตัดสินใจของผู้ใช้ และจะไม่เก็บรวบรวมหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างชัดเจน ทั้งนี้ OPPO ได้จัดตั้งระบบปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่ครอบคลุม พร้อมมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล เช่น ISO 27001, ISO 27701, ISO 27018, PCI DSS และ CSA
เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับ OPPO ในฐานะแพลตฟอร์มผู้ให้บริการ โดยในอนาคต บริษัทมุ่งมั่นปรับปรุงระบบการประเมินคุณสมบัติของแอปพลิเคชันจากบุคคลที่สาม และจะไม่ร่วมมือกับบริษัทที่ไม่ผ่านมาตรฐาน นอกจากนี้ OPPO จะเสริมสร้างความร่วมมือกับองค์กรด้านความปลอดภัยชั้นนำเพื่อพัฒนามาตรการทางเทคนิค ลดความเสี่ยง และยกระดับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง
วันที่ : 3 กุมภาพันธ์ 2568
เปิด 6 เหตุผลสำคัญ ที่บ้านยุคใหม่ต้องมีเครื่องกรองอากาศ1 ชั่วโมงที่แล้ว
Caviar เผยโฉม iPhone 16 Pro รุ่นพิเศษ Bitcoin Edition หุ้มทองคำ 24k มีแค่ 47 เครื่อง3 ชั่วโมงที่แล้ว
รีวิว OPPO Reno13 Series 5G นำทุกเทรนด์ด้วย OPPO AI อัปเกรดด้วย AI Livephoto ที่ดีที่สุด4 ชั่วโมงที่แล้ว
เทคนิคการใช้แอปคูปองส่วนลดให้คุ้มค่า ตอบโจทย์การใช้ชีวิต5 ชั่วโมงที่แล้ว
Nothing Phone (3a) หลุดสเปคใหม่ จอใหญ่ขึ้น กล้อง 50 ล้านพิกเซล พร้อมซูม 2x7 ชั่วโมงที่แล้ว
ฉาวโฉ่! OPPO งานเข้า ข้อมูลส่วนบุคคลลูกค้า OPPO ในไทยถูกประกาศขายในเว็บมืด
หลุด! สมาร์ทโฟนจาก OPPO แบตเตอรี่ 6,330mAh เปิดตัวในชื่อ OPPO A5
OPPO ดึง Lamine Yamal ปีกดาวรุ่งแดนกระทิงดุ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์
OPPO Find N5 สมาร์ทโฟนพับจอได้ที่บางที่สุดในตลาด เตรียมเปิดตัวกุมภาพันธ์ 2025
สรุปจุดเด่นและสเปค OPPO Reno13 F 5G กันน้ำ IP69 ดีไซน์สวย หน้าจอ 120Hz ราคาหมื่นต้นๆ AI เต็มไปหมด
Xiaomi 165W Power Bank ชาร์จแบตฯ อุปกรณ์เต็มเร็ว มีหน้าจอแสดงผลระดับแบตเตอรี่
Redmi Watch 5 วางขายในไทย! สมาร์ทวอทช์จอ AMOLED ใหญ่เน้นๆ 2.07 นิ้ว
ทำความรู้จัก Redmi A3 มือถือราคาไม่เกิน 3,000 บาท มีหน้าจอ 90Hz อัปเดต OS นาน 2 ปี
iQOO Neo 10R 5G เตรียมเปิดตัวในอินเดียเร็วๆนี้ คาดว่าจะมาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 3