รีวิว iPhone 17 Pro ปรับมาใช้อะลูมิเนียมบอกลาความร้อนสะสม พร้อมชิป A19 Pro ทั้งเร็วทั้งประหยัดพลังงาน

iPhone 17 Pro มารอบนี้นอกจากจะมีการเปลี่ยนดีไซน์ในส่วนโมดูลกล้องหลัง ยังมีการเปลี่ยนแปลงที่วัสดุตัวเครื่อง โดยกลับมาใช้อะลูมิเนียม เพื่อลดความร้อนสะสมภายในตัวเครื่อง หลังจากใช้วัสดุไทเทเนียมในรุ่นก่อนหน้าแล้วดูมีปัญหาเรื่องความร้อนสะสมเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ภายในยังใส่แผ่นระบายความร้อนอย่าง Vapor Chamber ช่วยให้มีการระบายความร้อนภายในตัวเครื่องได้ดีอีกขั้น และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลา ส่วนจุดเด่นหลักของ iPhone 17 Pro ก็ยังเป็นเรื่องของชิปเซ็ต ซึ่งได้ตัวแรงใหม่ล่าสุดอย่าง A19 Pro เพิ่มประสิทธิภาพของ GPU และ CPU ให้แรงขึ้นกว่า 40% รวมไปถึงการจัดการพลังงานแบตเตอรี่ สามารถใช้ได้นานขึ้นแบบเห็นได้ชัด

สั่งซื้อคลิก!

Shopee : https://s.shopee.co.th/1BCtLGLxZb

Lazada : https://s.lazada.co.th/s.A5doB?cc

รูปลักษณ์ภายนอกLook & Design

ดีไซน์ของ iPhone 17 Pro ยังเป็นแบบเรียบหรูดูแพง ขอบทั้งสี่ด้านเป็นแบบเรียบ และมุมทั้งสี่มุมเป็นแบบโค้ง โดยมีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 150x71.9x8.75 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 204 กรัม ซึ่งตัวเครื่องจะเล็ก และเบากว่า iPhone 17 Pro Max

หน้าจอแสดงผล Super Retina XDR พาแนล OLED กว้าง 6.3 นิ้ว ความละเอียด 2622x1206 พิกเซล รองรับ ProMotion สูงสุดที่ 120Hz ปรับความสว่างได้สูงสุด 3000nits และมีการครอบทับด้วยกระจก Ceramic Shield 2

ส่วนบนหน้าจอแสดงผล ยังใช้ดีไซน์รอยแหว่งแบบ Dynamic Island ในนั้นมีกล้องหน้า ความละเอียด 18MP รองรับฟีเจอร์ Center Stage และแผงเซนเซอร์สำหรับสแกนใบหน้า FaceID นอกจากนี้ยังมีลำโพงเสียงอยู่ขอบหน้าจอด้านบน

ล่างหน้าจอแสดงผลของ iPhone 17 Pro ไม่มีปุ่มใช้งานใดๆ

ทางซ้ายตัวเครื่อง บนสุดเป็นปุ่ม Action ถัดลงมาเป็นปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง และลุดสุดเป็นช่องใส่ถาดซิมการ์ดแบบ NanoSIM

ทางขวาตัวเครื่อง จะพบกับปุ่มเพาเวอร์ และด้านล่างเป็น Camera Control

ด้านบนตัวเครื่อง ไม่มีปุ่ม และพอร์ตการใช้งานใดๆ

ด้านใต้ตัวเครื่อง ทางซ้าย และขวาเป็นลำโพงเสียง พร้อมไมโครโฟน และตรงกลางเป็นพอร์ต USB Type-C

พลิกมาที่ฝาหลัง iPhone 17 Pro จะพบกับโมดูลกล้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ ทางซ้ายของโมดูลมีกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบไปด้วยกล้องหลัก Fusion ความละเอียด 48MP, กล้อง Ultra-Wide Fusion ความละเอียด 48MP และกล้อง Telephoto Fusion ความละเอียด 48MP ส่วนทางขวาของโมดูลบนสุดเป็นไฟแฟลช LED ถัดลงมาเป็นรูไมโครโฟน และล่างสุดตรงรูดำๆ เป็นเซนเซอร์วัดระยะ LiDAR นอกจากนี้ตรงฝาหลังยังมีพื้นที่แม่เหล็กสำหรับติดกระเป๋าตัง MagSafe และครอบทับด้วยกระจก Ceramic Shield เพิ่มความทนทานให้ด้านหลัง

จุดเด่นน่าสนใจSpecial & Features

การกลับมาของวัสดุอะลูมิเนียม หมดปัญหาความร้อนแม้ว่าวัสดุไทเทเนียมจะมีความแข็งแกร่งสูง และให้น้ำหนักที่เบา แต่เรื่องของความร้อนยังเป็นปัญหาหลักอยู่ ทำให้ iPhone 17 Pro ต้องแก้เกมด้วยการเปลี่ยนวัสดุมาเป็นอะลูมิเนียม มีการออกแบบเป็นชิ้นเดียว Unibody ให้น้ำหนักที่เบา และนำความร้อนได้ดีกว่าไทเทเนียม นอกจากนี้ยังมี Vapor Chamber แผ่นระบายความร้อน ช่วยให้ลดความร้อนภายในตัวเครื่องได้อีกชั้น จากที่ลองใช้งานถือว่ามีการลดความร้อนลงอย่างเห็นได้ชัด

เติมความแข็งแกร่งด้วย Ceramic Shieldความแข็งแกร่งของฝาหลัง ยังมีการครอบทับด้วยกระจก Ceramic Shield ทนการแตกร้าวได้ดีขึ้นถึง 4 เท่า จากที่ลองใช้งานใส่ลงในกระเป๋าโดราเอม่อน ก็ยังไม่มีรอยขีดขวนเกินขึ้นให้เห็น ตรงนี้เอาจริงๆ คนซื้อ iPhone 17 Pro ไปใช้ยังไงก็คงมีเคสใส่อยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องเป็นรอยได้เลย

หน้าจอยังเดิมๆ แต่เสริมด้วยความแข็งแกร่งมากขึ้นหน้าจอแสดงผลยังเดิมๆ เป็นแบบหน้าจอเรียบ Super Retina XDR พาแนล OLED กว้าง 6.3 นิ้ว ความละเอียด 2622x1206 พิกเซล รองรับ ProMotion สูงสุดที่ 120Hz ปรับความสว่างได้สูงสุด 3000nits และมีความแข็งแกร่งมากขึ้นจากการครอบทับด้วยกระจก Ceramic Shield 2 ทนการขีดข่วนได้มากขึ้นเป็น 3 เท่า

ชิปเซ็ต A19 Pro แรงแบบจัดเต็ม แบตเตอรี่ใช้ได้นานขึ้นด้วยรุ่นใหม่ยังไงก็ต้องแรงขึ้นกว่าเดิม โดย iPhone 17 Pro จะได้ชิปเซ็ต A19 Pro ซึ่งเป็นขุมพลัง CPU แบบ 6-Core และ GPU แบบ 6-Core พร้อม Neural Engine แบบ 16-Core ถือว่าใช้งานแรงๆ และเล่นเกมกราฟฟิกสูงๆ ได้สบาย รวมไปถึงรองรับการใช้งาน Ray-Tracing กับเกมที่รองรับตามเดิม ส่วนการจัดการพลังงานก็ทำได้ดีขึ้นเช่นกัน โดยดูวิดีโอติดต่อกันได้นานสุดเป็น 31 ชั่วโมง พร้อมรองรับการชาร์จเร็วผ่านสาย 30W และ MagSafe สูงสุด 25W

กล้องหลังเปลี่ยนดีไซน์โมดูล และซูมแบบ Optical ได้สูงถึง 8 เท่าในส่วนกล้องหลังถือว่ามีการเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด เริ่มจากดีไซน์โมดูลเป็นแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวนอนขนาดใหญ่ ให้ความโดดเด่น และแตกต่างจากรุ่นที่ผ่านมา ส่วนกล้องหลังเป็นแบบ Fusion Pro ทั้ง 3 ตัว ประกอบไปด้วยกล้องหลัก Fusion ความละเอียด 48MP, กล้อง Ultra-Wide Fusion ความละเอียด 48MP และกล้อง Telephoto Fusion ความละเอียด 48MP มีกันสั่น OIS สามารถบันทึกดวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 120fps และยังสามารถซูมแบบ Optical ได้สูงสุดระดับ 8 เท่า ซึ่งการซูมถือว่าทำได้ดีขึ้น แม้ว่าจะเป็นการครอปภาพก็ตาม

กล้องหน้ายกเครื่องใหม่ ความละเอียด 18MP รองรับ Cemter Stageกล้องหน้ามารอบนี้ก็ยกเครื่องใหม่เต็มๆ โดยมีความละเอียดมากขึ้นเป็น 18MP พร้อมรองรับระบบ Center Stage ทำให้ถ่ายเซลฟี่แบบหมู่ได้ง่ายๆ หรือจะวิดีโอคอลแบบหมู่ก็ได้เช่นกัน

เมนู & ฟังก์ชันMenu & Function

สเปคของ iPhone 17 Pro

• ขนาดตัวเครื่อง : 150x71.9x8.75 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 204 กรัม
• หน้าจอแสดงผล : Super Retina XDR พาแนล OLED กว้าง 6.3 นิ้ว ความละเอียด 2622x1206 พิกเซล รองรับ ProMotion สูงสุดที่ 120Hz ปรับความสว่างได้สูงสุด 3000nits และมีการครอบทับด้วยกระจก Ceramic Shield 2
• ชิปเซ็ต : A19 Pro
• ระบบปฏิบัติการ : iOS 26
• กล้องหลัง 3 ตัว ไฟแฟลช LED- กล้องหลัก Fusion ความละเอียด 48MP รูรับแสง f/1.78 กันสั่น OIS- กล้อง Ultra-Wide Fusion ความละเอียด 48MP f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา- กล้อง Telephoto Fusion ความละเอียด 48MP รูรับแสง f/2.8
• กล้องหน้า ความละเอียด 18MP รูรับแสง f/1.9 รองรับ Center Stage
• เครือข่าย : 5G / 4G LTE / 3G / 2G รองรับ NanoSIM + eSIM
• การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 7, Bluetooth 6, NFC, GPS, USB Type-C
• มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : IP68
• ระบบเสียง : ลำโพงคู่ Stereo
• แบตเตอรี่ : เล่นวิดีโอติดต่อกันได้นานสุด 31 ชั่วโมง รองรับการชาร์จผ่านสาย 40W และ MagSafe 25W

สำหรับ iPhone 17 Pro เปิดตัวในบ้านเราด้วยราคาเริ่มต้น 43,900 บาท (256GB) มีให้เลือก 3 สีคือ สีเงิน, ส้มคอสมิก และน้ำเงินเข้ม ส่วนมาตรฐานไปจับจองกันได้ผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Apple ประเทศไทย หรือตามลิ้งค์ที่อยู่ตรงนี้ https://www.apple.com/th/shop/buy-iphone/iphone-17-pro