ต่อจากช่วงที่ 1 ที่พูดถึงประวัติความเป็นมาและความสำเร็จของ Huawei ไปแล้ว (คลิ๊กที่นี่) ในตอนนี้เราจะมาเจาะลึกอีกส่วนที่กว่าจะมาเป็นสมาร์ทโฟน Huawei นั้นต้องผ่านขั้นตอนการผลิตอย่างไร และผ่านการทดสอบสุดโหดอะไรบ้างกว่าจะออกสู่ตลาด
สำหรับห้องวิจัยและพัฒนา (R&D Center) ของ Huawei นั้นตั้งอยู่ที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งความใหญ่โตก็กว้างถึง 10,000 ตารางเมตร ที่ประกอบไปด้วยห้องปฏิบัติการ 23 แห่งภายใน 1 พื้นที่ เพื่อใช้ในการทดสอบสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ ซึ่งจะเน้นไปทางด้านประสบการณ์การใช้งานและนวัตกรรม โดยมีถึง 5 ห้องการทดสอบหลักๆ ที่เราจะพูดถึง ดังนี้
1. Automation Test Center
มาเริ่มต้นกันที่ห้องทดสอบอัตโนมัติที่ทำงานเปรียบเสมือนกับพนักงาน 10,000 คน เพื่อให้การทดสอบเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งยังเป็นการการันตีถึงคุณภาพและความเสถียรภาพของสมาร์ทโฟนอีกด้วย โดยห้องวิจัยนี้มีเครื่องทดสอบมากกว่า 800 เครื่องสำหรับทดสอบสมาร์ทโฟนมากกว่า 5,000 เครื่องในเวลาเดียวกัน ซึ่งยังทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืนไม่มีวันหยุดแบบ 7 วัน ครบ 24 ชั่วโมง
สมาร์ทโฟนทุกเครื่องต้องผ่านการทดสอบเป็นล้านๆ ครั้งจากการทดสอบกว่า 1,000 ชั่วโมงก่อนที่จะเปิดตัวออกสู่สาธารณะ ซึ่งสิ่งที่เป็นเป้าของการทำงานในส่วนนี้ คือ การพัฒนาซอร์ฟแวร์ที่ไร้ข้อผิดพลาดให้รวดเร็วมากที่สุด
2. Communication Protocol Test Laboratory
อีกหนึ่งสิ่งที่พิเศษของ Huawei คือด้านการสื่อสารที่มีเป้าหมายหลักเป็นการใช้งานได้กับทุกเน็ตเวิร์คบนโลกนี้ ไม่เว้นแม้แต่ในสหรัฐอเมริกา ที่ครอบคลุมเครือข่ายกว่า 1,000 แบบ จากเครือข่ายผู้ให้บริการขนาดใหญ่ได้กว่า 20 ราย ซึ่งสิ่งที่ใช้ทดสอบจะประกอบด้วยการสลับเครือข่ายไปมาระหว่าง 2G, 3G, LTE (4G) และอื่นๆ มากมาย รวมไปถึงฟีเจอร์ใหม่ เช่น การวิดีโอคอลแบบ 4G HD, VoWiFi, VoLTE, Carrier Aggregation (CA) และ MIMO
นอกจากนี้ ห้องวิจัยดังกล่าวยังเป็นห้องวิจัยเดียวที่ระบบ Wi-Fi มีการผสานการทำงานของทั้ง CDMA และ GUTL เข้าด้วยกัน
3. Reliability Laboratory
มาถึงห้องทดสอบที่ใครหลายคนต้องชอบแน่นอน เพราะเป็นการทดสอบการใช้งานสมาร์ทโฟนจากการจำลองในชีวิตประจำวัน (เทียบเป็นเวลาจริงมากกว่า 1 ปี) เพื่อปรับปรุงความทนทานและแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น เช่น
ทั้งนี้ การทดสอบทั้งหมดจะเป็นไปตามมาตรฐานของทวีปยุโรป อเมริกาเหนือ และประเทศอื่นๆ
4. Antenna Laboratory
สำหรับ Antenna Lab เป็นการทดสอบและปรับปรุงคุณภาพของสัญญาณทางโทรศัพท์ เพื่อไม่ให้เกิดอาการ "Death-Grip" หรือช่วงที่สัญญาณขาดๆ หายๆ รวมไปถึงการเชื่อมต่อข้อมูลและใช้ GPS อย่างรวดเร็วและเสถียร โดยห้องวิจัยนี้ ประกอบไปด้วย ห้องทดสอบที่ไร้การสะท้อนของคลื่นไมโครเวฟ (ETS Microwave Anechoic Chamber), ห้องทดสอบการสะท้อนกลับของคลื่น และห้องทดสอบที่มีความแม่นยำสูงสุด ซึ่งการทดสอบทั้งหมดนี้ถือเป็นมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก
5. Audio Laboratory
เดินทางมาถึงห้องทดสอบอย่างสุดท้ายกับการทดสอบระบบเสียง เพื่อพัฒนาความคมชัดของเสียงที่ผู้ใช้งานควรได้รับในสภาวะที่มีการรบกวนจากเสียงแวดล้อม ไม่ว่าจะใช้การโทรหรือฟังเพลงอยู่ก็ตาม โดยห้องวิจัยนี้เป็นห้องวิจัยในประเทศจีนแห่งแรกและแห่งเดียวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ที่ผ่านเกณฑ์การลดเสียงรบกวน 3PASS noise test system
สายการผลิต (Product Line)
และในการไปประเทศจีนครั้งนี้ ทาง Huawei ก็ไม่ลืมที่จะพาเราเข้าไปถึงสายการผลิตสมาร์ทโฟน (Product Line) ตั้งแต่การประกอบเมนบอร์ดจนถึงการส่งเข้ากล่องเพื่อเตรียมวางจำหน่าย แต่ก็น่าเสียดายที่เราไม่สามารถบันทึกภาพหรือนำอุปกรณ์ทุกอย่างเข้าไปได้ขณะรับชม ซึ่งเราก็เน้นการจำล้วนๆ เพื่อบอกต่อข้อมูลมาบอกโดยสรุปกัน (ภาพด้านล่างเป็นภาพเพื่อประกอบบทความเท่านั้น)
ตั้งแต่ที่เราก้าวเข้าไปในโรงงาน ทุกอย่างก็กลายเป็นความลับสุดยอด ตั้งแต่การห้ามนำสิ่งของที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดเข้าไปในโรงงาน ไปถึงการเปลี่ยนเป็นชุดยูนิฟอร์มพนักงานหัวเหว่ยที่ต้องสวมใส่ตามกฏระเบียบ เมื่อผ่านจุดตรวจสิ่งของ สิ่งแรกที่เราเห็นก็มีแต่หุ่นยนต์และเครื่องจักรที่ทำงานกันตลอดเวลา ซึ่งมีพนักงานที่เป็นคนจริงๆ น้อยกว่าที่คิดไว้
มาถึงจุดแรกจะเป็นการผลิตเมนบอร์ดและนำชิปเซ็ตต่างๆ ฝังเข้าไปในอุปกรณ์นั้น ซึ่งทั้งหมดจะทำงานด้วยหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งค่าเอาไว้ภายในตู้นิรภัยที่เรียงกันเป็นแนวนอนแถวยาวไปจนสุดทาง (ประมาณ 150 เมตร)
การเรียงกันของตู้นิรภัยเหมือนเป็นการส่งงานต่อไปเรื่อยๆ แบบอัตโนมัติของหุ่นยนต์ เช่น ตัวแรกมีหน้าที่ฝังชิปเซ็ต เมื่อเสร็จแล้วก็จะส่งต่อไปยังหุ่นอีกตัวเพื่อฝัง ROM และ RAM และก็จะทำงานต่อไปเรื่อยๆ จนประกอบเป็นเครื่องที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้
ทั้งนี้ ทุกขั้นตอนการทำงานของหุ่นยนต์จะมีพนักงานคอยตรวจสอบอยู่ตลอดเวลาว่ามีสิ่งใดผิดพลาดหรือมีอะไรแก้ไขหน้างานหรือไม่ อย่างการทดสอบฟังเสียงลำโพง ก็จะมีตู้เฉพาะให้พนักงานรับฟังเสียงของสมาร์ทโฟนว่าผิดปกติอย่างไร, การใช้งาน UI หน้าตาของระบบปฏิบัติการ ระบบสัมผัสต่างๆ ที่ต้องให้พนักงานคอยดูว่าเหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันหรือไม่ หรือการ Drop Test ในระยะ 30 เซนติเมตร หากไม่มีอะไรขัดข้องก็จะส่งไม้ต่อให้หุ่นยนต์ทำงานต่อไป
และในจุดสุดท้ายของการผลิตก็จะมีพนักงานคอยบรรจุลงกล่องลังพร้อมวางจำหน่าย โดยมีหุ่นยนต์ขับเคลื่่อนอัตโนมัติคอยรับกล่องดังกล่าวเพื่อส่งไปยังคลังเก็บสินค้า เตรียมส่งออกไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก
สรุปการทำงานของสายการผลิต (Product Line)
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
วันที่ : 12 กรกฎาคม 2561
iQOO 13 5G ขุมพลัง Snapdragon 8 Elite แบต 6150mAh รองรับ 120W FlashCharge พร้อม Bypass Charging
รีวิว HONOR 200 Smart 5G คุ้มค่าเกินราคา สุดยอดสมาร์ทโฟนสำหรับคนชอบลุย
Infinix ปล่อยเซอร์ไพรส์ HOT 50 Pro+ Series สีสันพิเศษ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุข
เตรียมเปิดตัว HUAWEI MatePad 12 X แท็บเล็ตฟังก์ชันเรือธง ผสานการทำงานกับอุปกรณ์เสริมอย่างไร้รอยต่อ
iQOO 13 5G เจ้าของความแรง Snapdragon Elite 8 + RAM สูงสุด 16GB เคาะราคาในไทย 27,900 เท่านั้น
HONOR X9c Smart สมาร์ทโฟนกล้องหลังคู่ 108MP ชิปเซ็ต Dimensity 7025-Ultra
ทำความรู้จัก TECNO SPARK 30C หน้าจอ 120Hz ทนน้ำทนฝุ่น IP54 ลำโพงสเตอริโอ มีชาร์จเร็ว
Redmi A4 5G หน้าจอ 120Hz ดีไซน์พรีเมียมมากขึ้น ชิปเซ็ต Snapdragon 4s Gen 2 เล่นเกมเพลิน
HONOR X9c Smart สมาร์ทโฟนกล้องหลังคู่ 108MP ชิปเซ็ต Dimensity 7025-Ultra
iQOO Neo 10 Series สเปคเทพ กล้องสวย ดีไซน์โดนใจ เปิดตัว 29 พฤศจิกายนนี้
iQOO 13 5G เจ้าของความแรง Snapdragon Elite 8 + RAM สูงสุด 16GB เคาะราคาในไทย 27,900 เท่านั้น
LAVA Yuva 4 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ราคาประหยัด สเปคคุ้มค่าเกินราคา
รีวิว HONOR 200 Smart 5G คุ้มค่าเกินราคา สุดยอดสมาร์ทโฟนสำหรับคนชอบลุย13 ชั่วโมงที่แล้ว