iPhone XS Max เป็นสมาร์ทโฟนตัวแรงจาก Apple ที่มีจุดเด่นตรงความใหญ่สะใจของหน้าจอแสดงผล OLED โดยมีความกว้างถึง 6.5 นิ้ว และเป็นขนาดหน้าจอที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ Apple เคยมีมา เท่านั้นยังไม่พอ การันตีความแรงของขุมพลัง A12 Bionic ชิปเซ็ตสถาปัตยกรรมขนาด 7 นาโนเมตร ซึ่งเป็นชิปเซ็ตทั้งฉลาดและทรงพลัง พร้อมรับมือการใช้งานทุกรูปแบบ ส่วนจะเร็วจะแรงและมีการใช้งานทรงพลังแค่ไหน ? มาดูในการรีวิวกันดีกว่า
ตัวเครื่อง iPhone XS Max มีการใช้วัสดุสแตนเลสสตีลเกรดเดียวกับเครื่องมือศัลยกรรม ผสมกับโลหะชนิดพิเศษ พร้อมกับการลงสีแบบ PVD เพิ่มความเงางามสวยงาม และสีลอกออกยากมากๆ เท่านั้นยังไม่พอมีการครอบทับกระจกที่แข็งแกร่งเพิ่มความทนทานไปอีกชั้น ส่วนขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 157.5x77.4x7.7 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 208 กรัม
หน้าจอแสดงผล OLED กว้าง 6.5 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียด 2688x1242 พิกเซล ความละเอียดพิกเซล 458ppi แสดงผลแบบ HDR และมีการครอบทับด้วยกระจกเช่นกัน
ด้านล่างหน้าจอแสดงผล ไม่มีปุ่มการใช้งานใดๆ
ด้านบนหน้าจอบริเวณรอยแหว่ง มีแผงกล้อง TrueDepth สุดล้ำสำหรับการสแกนใบหน้าแบบ 3 มิติที่แม่นยำ (
กล้องอินฟราเรด, อิลลูมิเนเตอร์มุมกว้าง และตัวฉายจุดแสง) ตรงกลางเป็นลำโพงสำหรับการสนทนาและมีไมโครโฟนในตัว ขวาสุดเป็นกล้องหน้า ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล
ฝั่งซ้ายตัวเครื่อง มีปุ่มเพิ่มเสียงและลดเสียงอยู่ด้านล่าง ในขณะที่ปุ่มด้านบนเป็นปุ่มสวิตช์เพื่อสั่งปิดเสียงหรือเปิดเสียง
ฝั่งขวาตัวเครื่อง เป็นปุ่มพักหน้าจอ หรือเมื่อกดค้างจะเป็นปุ่มเริ่มต้นใช้งาน Siri
ข้างบนตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มการใช้งานใดๆ ทั้งสิ้น
ข้างล่างตัวเครื่อง มีช่องเสียบสาย USB Lightning อยู่ตรงกลาง ทั้ง 2 ข้างเป็นลำโพงเสียงสเตอริโอ และภายในมีไมโครโฟนอยู่ในตัว
ผลิกมาทางด้านหลังมีการออกแบบที่สวยงาม และด้วยเคลื่อบกระจกที่แข็งแกร่ง พร้อมรองรับระบบชาร์จไร้สาย ส่วนด้านบนซ้ายเป็นกล้องหลังคู่แบบแนวตั้ง ความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล เลนส์ Wide Angle และ Telephoto พร้อมไฟแฟลช True Tone แบบ LED สี่ดวงอยู่ระหว่างกล้องทั้ง 2 เลนส์
อุปกรณ์ภายในกล่อง
สเปคทั้งหมดของ iPhone XS Max
ความจุภายในสูงสุด 512GB
iPhone XS Max จะมีความจุภายใน ให้ใช้งานแบบเน้นๆ ด้วยความจุภายในสูงสุดถึง 512GB และนี้คือตัวเลือกความจุภายในที่มากที่สุดของ iPhone ซึ่งรองรับการเก็บข้อมูล และแอพพลิเคชั่นแบบเต็มที่ แต่หากมองว่าความจุภายใน 512GB มากเกินไป ก็มีอีก 2 ตัวเลือกทั้ง 64GB และ 256GB ให้เลือกใช้เช่นกัน
ระบบปฏิบัติการ iOS 12
สำหรับ iOS 12 เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดบนอุปกรณ์พกพาของ Apple ซึ่งจะมีการเพิ่มความเร็วในการทำงานด้านต่างๆ เช่น ปัดเพื่อเปิดแอพฯ กล้องได้เร็วขึ้นกว่า 70%, แสดงคีย์บอร์ดได้เร็วขึ้น 50% และเปิดแอพฯ ได้เร็วขึ้นกว่า 2 เท่า เมื่อเดียวกับเวอร์ชั่นเก่า ทั้งนี้ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ อีกมากมาย
หน้าจอหลัก / Control Center
ในส่วนหน้าจอหลัก ยังคงมีหน้าตาตามฉบับ iOS ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักจาก iPhone X แต่หากพูดถึงเรื่องความเร็วในการใช้งาน ต้องบอกว่าเร็วขึ้น จากในการเปิดแอพพลิเคชั่น หรือเปิดแป้นพิมพ์ขึ้นมา เป็นต้น
การแจ้งเตือนแบบใหม่
การแจ้งเตือนบน iOS 12 จะมาในรูปแบบซ้อนกันเป็นชั่น และยังจัดการตั้งค่าการแจ้งเตือนต่างๆ ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย สามารถดูวิธีการตั้งค่าแบบใหม่ได้ตามลิ้งค์นี้ https://news.siamphone.com/news-38086.html
การควบคุมท่าทาง Gesture
ถือว่าหมดยุคการใช้งานปุ่มโฮมแบบเต็มรูปแบบแล้ว เนื่องจาก iPhone ปี 2018 ที่เปิดตัวมา มีการควบคุมแบบท่าทาง Gesture และตัดปุ่มโฮมออกไปทั้งหมด วิธีการใช้งานมีดังต่อไปนี้
ดูเวลาหน้าจอ
อันนี้ถือว่าเป็นฟีเจอร์ใหม่บน iOS 12 โดยเป็นการบอกระยะเวลาที่เราใช้งานหน้าจอแต่ละวัน แอพฯ ไหนใช้งานมากที่สุด ยังมีแบ่งเป็น เกม, ความคิดสร้างสรรค์, สังคมออนไลน์ และมีการหยิบมาใช้งานต่อชั่วโมงกี่ครั้ง ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ปกครองที่จะดูการใช้งาน iPhone ของบุตรหลาน ทั้งนี้สามารถตั้งค่าอื่นๆ ด้วยการเข้าไปที่ การตั้งค่า > เวลาหน้าจอ
โหมดห้ามรบกวน
หากเปิดโหมดนี้จะไม่ถูกรบกวน ทั้งสายเรียกเข้าและการแจ้งเตือนจะไม่มีเสียง แต่ใน iOS 12 มีเพิ่มการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น โดยสามารถกำหนดเวลาห้ามรบกวนได้แบบอัตโนมัติ ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ ที่มีอยู่แล้วทั้ง ห้ามรบกวนเวลาขับขี่ และส่งข้อความกลับอัตโนัมติยังมีอยู่เช่นเดิม
ส่งรูปหรือข้อความเคลื่อนไหวใน iMessage
หากใครที่ชอบส่งข้อความผ่าน iMessage ไปยัง iPhone เครื่องอื่น ก็คงจะชอบฟีเจอร์นี้เป็นพิเศษ สามารถถ่ายรูปพร้อม ใส่ข้อความ, ปรับฟิลเตอร์ หรือใส่หน้า Animoji พร้อมส่งเป็นข้อความได้ทันทีใน iMessage
หน้าจอปรับแสง True Tone และ Night Shift
สำหรับโหมด True Tone จะเป็นการปรับแสงหน้าจอแสดงผล ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมรอบข้าง ทำให้สายตาไม่ต้องใช้งานหนัก และเพิ่มความสบายตาเวลาใช้งาน สามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า > จอภาพและความสว่าง > True Tone
ส่วน Night Shift เป็นการปรับแสงหน้าจอ เพื่อใช้งานในตอนกลางคืน โดยจะเป็นการลดแสงสีฟ้า ทำให้หน้าจอมีแสงออกเป็นสีเหลือง และสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า > จอภาพและความสว่าง > Night Shift
แบตเตอรี่ และตรวจสุขภาพแบตเตอรี่
โหมดแบตเตอรี่ของ iOS 12 จะมีบอกตารางการชาร์จไฟในแต่ละช่วงเวลา โดยจะเป็นกราฟบอกการชาร์จไฟใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา หรือ 10 วันล่าสุดที่ใช้ รวมไปถึงบอกด้วยว่าแอพฯ ใดใช้งานแบตเตอรี่มากที่สุด นอกจากนี้การตรวจสุขภาพแบตเตอรี่ยังเป็นเวอร์ชั่นสมบูรณ์แล้วด้วย ซึ่งจะบอกว่าแบตเตอรี่ของเราเสื่อมสภาพไปแล้วกี่เปอร์เซ็น
ผลการทดสอบประสิทธิภาพการใช้งาน
ซื้อ iPhone XS Max ถูกที่สุดพร้อมโปรโมชั่น ราคาเริ่มต้นเพียง 33,700 บาท
เป็นเจ้าของ iPhone XS Max สมาร์ทโฟนสุดล้ำรุ่นล่าสุด กับหน้าจอ Super Retina 6.5 นิ้ว ใหญ่สุดที่ iPhone เคยมีมา กล้องหลังคู่อัจฉริยะ ชิป A12 Bionic และ Face ID อันชาญฉลาด ได้ที่ dtac online store รับสิทธิ์ผ่อน 0% นานสูงสุด 24 เดือน ทั้งเครื่องเปล่าและเครื่องติดสัญญา ผ่อนได้พร้อมกันทั้งค่าเครื่องและค่าบริการล่วงหน้า พร้อมแพ็กเน็ตเหลือทบได้
ลูกค้าดีแทคจ่ายน้อยกว่า สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า BLUE MEMBER และ GOLD MEMBER ซื้อ iPhone XS Max (64GB) ลดค่าเครื่องสูงสุด 10,200 บาท เหลือเพียง 33,700 บาท ลูกค้าเปิดเบอร์ใหม่เริ่มต้น 36,200 บาท
รายละเอียด ซื้อ iPhone XS Max ถูกที่สุดพร้อมโปรโมชั่น ราคาเริ่มต้นเพียง 33,700 บาท
หน้าจอใหญ่ที่สุดที่ iPhone เคยมีมา
ความอลังการของ iPhone XS Max คือการเป็น iPhone ที่มีหน้าจอใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยความกว้าง 6.5 นิ้ว และยังเป็นหน้าจอแบบ OLED ทำให้สีสวยสดใสสวยงาม ก็ถือว่าเป็นการเพิ่มอรรถรสในการใช้งานผ่านหน้าจอแบบเต็มตา ทั้งเล่นเกม หรือดูหนัง และยังดูหนังบนคอนเทนด์แบบ HDR10 หรือ Dolby Vision ได้อย่างสบายๆ และยังมีการสัมผัสหน้าจอที่ลื่นติดนิ้วสุดๆ ด้วยการ Touch Sencing ระดับ 120Hz
ชิปเซ็ต A12 Bionic
นี้คือ CPU บนสมาร์ทโฟนที่แรงที่สุดในขณะนี้ (ช่วงปลายปี 2018) ซึ่งแน่นอนการใช้ทำงานต่างๆ ย่อมไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะงานหนักงานเบาก็เอาอยู่ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการฝังชิป Neural Engine ซึ่งเป็นชิป AI ทำให้ระบบจะทำงานร่วมกับ AI ไปพร้อมกัน โดยเจ้า Neural Engine จะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่างๆ เช่น FaceID อย่างแม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น, ใช้งาน AR ได้ไหลลื่น, ตรวจจับใบหน้าเพื่อใช้งาน Animoji และ Memoji อย่างแม่นยำ รวมไปถึงยกระดับกล้องถ่ายรูป ในการปรับแต่งใบหน้าเล็กน้อย และมีการเบลอภาพพื้นหลังในโหมดถ่ายภาพบุคคลได้เนียนยิ่งขึ้น
ทดสอบประสิทธิภาพการเล่นเกม
การเล่นเกมบน iPhone XS Max ถือว่าเล่นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแบบสบายๆ ด้วยเหตุผลสั่นๆ ว่า มีแรงขับเคลื่อนอย่างชิปเซ็ต A12 Bionic ขุมพลังที่ทรงพลังและฉลาดที่สุดบนสมาร์ทโฟน จากการทดสอบจาก 3 เกมดังในขณะนี้ทั้ง ROV, PUBG Mobile และ Ragnarok M Eternal Love ก็ถือว่าเล่นได้อย่างสบายๆ หรือจะไปเล่นเกมที่ต้องการทรัพยากรมากกว่านี้ก็ยังไหว
สามารถประกราฟฟิกได้ในระดับสูงสุด โดยทำเฟรมเรตได้ 60fps ตลอด แม้ว่าจะเข้าในจังหวะปะทะกันสนั่น เฟรมเรตก็ยังไม่มีร่วงจนแบบสังเกตุได้
เริ่มลงเกมและเข้าเกมตอนแรก ระบบก็คำนวณมาให้เลยว่า iPhone XS Max สามารถเล่นได้ในกราฟฟิกระดับสูงสุด และเมื่อเข้าไปตั้งค่าภายในก็สามารถปรับกราฟฟิกเป็นแบบ HDR HD ตั้งค่าเฟรมเรทระดับ Ultra ได้สบาย ก็เรียกว่าเข้าไปยิงกันได้สนั่น ภาพก็สวย และไม่มีปัญหาใดๆ
ทั้ง ROV และ PUBG Mobile เล่นได้อย่างสบายๆ ฉะนั้นเกม Ragnarok M Eternal Love ก็ต้องเล่นได้อย่างไร้ปัญหา โดยเกมมีความไหลลื่นเอามากๆ
AR สมจริงและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ด้วยขุมพลัง A12 Bionic ทำให้การใช้งาน AR จะมีประสิทธิภาพการใช้งานที่มากขึ้น โดยให้การแสดงผลที่สมจริง และตรวจจับระนาบในการแสดงวัตถุในจอภาพที่แม่นยำ ทั้งนี้ยังรองรับ ARKit 2 ซึ่งจะมาเปิดประสบการณ์ใหม่ เพื่อการใช้งาน AR หลายคนพร้อมกัน !! ในตอนนี้ก็มีแอพพลิเคชั่นที่ใช้งาน AR เพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังมีหลายแอพฯ ที่เสียตัง และยังไม่เปิดให้บริการ
Face ID
ระบบรักษาความปลอดภัยของ iPhone XS Max จะเป็นระบบ Face ID ระบบปลดล็อกใบหน้าที่มีความแม่นยำสูง และใช้ปลดล็อกใบหน้าในที่มืดได้อย่างไร้ปัญหา นอกเหนือจากใช้ปลดล็อกเพื่อเข้าใช้งานเครื่อง ยังนำไปเป็นระบบปลดล็อกอย่างอื่นได้อีก เช่น แอพพลิเคชั่น, บัญชีทางการเงินต่างๆ, หรือซื้อแอพฯ ใน App Store
กันน้ำกันฝุ่น IP68
iPhone XS Max ได้รับมาฐานกันน้ำกันฝุ่นที่ IP68 ซึ่งสามารถกันน้ำได้ลึกไม่เกิน 2 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที โดย iPhone X และ iPhone XR ได้รับมาตรฐาน IP67 เท่านั้น ทำให้กันน้ำได้ลึกน้อยกว่า โดยกันน้ำได้ลึก 1 เมตร ระยะเวลาสูงสุด 30 นาที
รองรับซิมคู่เป็นแบบ NanoSIM และ eSIM
iPhone XS Max จะมีการรองรับ 2 ซิมแล้ว โดยช่องใส่ถาดซิมจะสามารถใช้ซิมแบบ NanoSIM ได้ 1 ซิม และอีกซิมจะมาในรูปแบบ eSIM คือซิมที่ถูกฝั่งอยู่ในตัวเครื่อง (ต้องไปเปิดบริการที่ค่ายโอเปอร์เรเตอร์ที่ให้บริการ) และทั้งนี้ยังเป็นแบบ Dual SIM Dual Standby นั้นคือซิมทั้งสองใบจะสามารถโทรออกและรับสายได้ทั้งคู่ หากหมายเลขหนึ่งกำลังคุยสายอยู่ สายที่โทรเข้ามาในอีกหมายเลขหนึ่งจะถูกส่งไปยังวอยซ์เมลแทน
Memoji
สำหรับ Memoji เป็นลูกเล่นที่เพิ่มเข้ามาใหม่ เพื่อเพิ่มความหลากหลายจากกล้อง TrueDepth โดยจะเป็นการสร้างใบหน้าคาแร็คเตอร์ส่วนตัว พร้อมใส่ข้อความเสียงได้ เพื่อส่งไปยังผู้อื่นผ่านทาง iMessage นอกจากนี้ยังนำไปเปลี่ยนใบหน้าของผู้ใช้ เพื่อนำไปใช้ถ่ายรูปนิ่งหรือบันทึกวิดีโอ สนุกไปอีกแบบ
Animoji
สวมบทบาทเป็นตัวกาตูนได้ง่ายๆ ผ่าน iPhone XS Max ด้วยการใช้งานของ Animoji โดยจะเปลี่ยนใบหน้าของผู้ใช้เป็นตัวกาตูน แต่สามารถขยับท่าทางได้ตามต้องการ และบน iOS 12 ยังมีการเพิ่มตัวกาตูนขึ้นมาอีก 4 ตัวคือ โคอาล่า, เสือ, ผี และทีเร็กซ์ เพิ่มความสนุกบน iMessage และ FaceTime มากยิ่งขึ้น
กล้องถ่ายรูป
กล้องหลังคู่ของ iPhone XS Max มีความละเอียดที่ 12+12 ล้านพิกเซล โดยแบ่งเป็นเลนส์กว้าง รูรับแสง f/1.8 และเลนส์ Telephoto รูรับแสง f/2.4 สามารถซูมแบบ Optical ได้ 2 เท่า ทั้งนี้ยังมีระบบป้องกันการสั่นไหวทั้ง 2 เลนส์ และไฟแฟลช True Tone แบบ LED ถึงสี่ดวง ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ซึ่งภาพรวมอาจจะไม่ต่างจาก iPhone X เท่าไหร่นัก แต่ด้วยการทำงานร่วมกันของ ISP, Neural Engine และอัลกอริทึม ทำให้ภาพจะมีการปรับแต่งให้ออกมาสวย และเนียนกว่า iPhone รุ่นก่อนๆ
ภาพถ่ายบุคคล
สำหรับโหมดถ่ายรูปบุคคล มีการปรับหน้าชัดหลังเบลอที่เนียนและโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีการใช้ซอฟแวร์ในการช่วยปรับแต่งภาพเบลอทางด้านหลัง เห็นได้จากกล้องหน้าที่ iPhone รุ่นก่อนๆ จะไม่สามารถใช้โหมดภาพถ่ายบุคคลได้ แต่สำหรับ iPhone ปี 2018 รวมไปถึง iPhone XS Max จะสามารถใช้ได้จากกล้องหน้าและกล้องหลัง
ภาพจากกล้องหลัง
ส่วนรายละเอียดอื่นๆ อย่างการจัดแสงไฟทั้ง 5 แบบ ก็ยังใช้งานได้ครบทั้ง แสงไฟธรรมชาติ, แสงไฟสตูดิโอ, แสงไฟคอนทัวร์, แสงไฟเวที, แสงไฟเวทีขาวดำ แต่มีการเพิ่มเติมคือใช้ได้จากกล้องหน้าได้อีกด้วย
ภาพจากกล้องหน้า
ปรับความเบลอ และรูปแบบแสงไฟภายหลังได้
เมื่อได้ถ่ายบุคคลมาแล้ว แต่ยังไม่พอใจกับความเบลอที่ได้มา ก็สามารถเข้าไปปรับความเบลอในภายหลังได้ โดยเข้าไปที่ แอพฯ รูปภาพ > เลือกรูปที่ต้องการแก้ไข > แก้ไข (มุมบนขวา) จากนั้นก็ปรับความกว้างของรูรับแสงได้ตามสบาย (ปรับ ได้ตั้งแต่ f/1.4 ไปถึง f/16) นอกจากนี้ยังปรับรูปแบบของแสงไฟภายหลังก็ได้เช่นกัน
HDR อัจฉริยะ
ด้วยการทำงานร่วมกันของ ISP, Neural Engine, อัลกอริทึม และเซนเซอร์กล้องที่เร็วขึ้น ทำให้ระบบ HDR มีความอัจฉริยะมากยิ่งขึ้น และเมื่อไปถ่ายรูปย้อนแสง ก็จะได้ภาพที่เผยรายละเอียดที่เห็นชัด ไม่ว่าจะเป็นส่วนไฮไลท์หรือในที่เงามืด
การบันทึกวิดีโอ
สำหรับ iPhone XS Max สามารถบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 60fps ทั้งจากกล้องหน้าและกล้องหลัง ส่วนการบันทึกวิดีโอสโลว์โมชั่น สามารถบันทึกได้ที่ความละเอียด 1080p HD ที่เฟรมเรต 240fps
นี้คือมิติใหม่ของการบันทึกวิดีโอบน iPhone ด้วยความสามารถของ การบันทึกวิดีโอแบบ HDR ซึ่งทำให้การบันทึกวิดีโอแบบย้อนแสงมีความสวยงาม และเก็บรายละเอียดได้มากยิ่งขึ้น แต่จะใช้งานในโหมดนี้ได้ในการบันทึกวิดีโอเฟรมเรตที่ 30fps เท่านั้น สามารถเข้าไปปรับโหมดได้ที่ การตั้งค่า > กล้อง > อัดวิดีโอ
นี้ก็เป็นอีก 1 ฟีเจอร์ใหม่สำหรับการถ่ายวิดีโอ ด้วยการบันทึกเสียงแบบสเตอริโอ เวลาเปิดเล่นวิดีโอ จะทำให้เสียงที่ออกมาจะมีมิติรอบด้าน และสมจริงมากยิ่งขึ้น
คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง
คุณสมบัติการถ่ายภาพวีดีโอ
ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ : iPhone XS Max
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=458114
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : https://www.siamphone.com/spec/apple/iphone_xs_max.htm
พรีวิว Samsung Galaxy Z Flip 6 ครั้งแรกมือถือจอพับกันน้ำได้ Samsung เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ Samsung Galaxy Z Flip 6 รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมเฉดสีสไตล์มินิมอล สดใส เก๋ไก่ น่ารักเอามากๆ มี 4 เฉดสีใ...