www.siamphone.com
สมาร์ทโฟน (Smartphone) | วันที่ : 28 ธันวาคม 2560
ใกล้สิ้นปีแบบนี้แน่นอนว่าเป็นธรรมเนียมที่ต้องสรุปการพัฒนาของสมาร์ทโฟนในทุกทุกปี โดยเมื่อปี 2016 ได้จัดทำบทความ [เล่าสู่กันฟัง] 7 ฟีเจอร์ในสมาร์ทโฟนประจำปีพ.ศ. 2559 ที่มีผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน มีอะไรบ้าง ดังนั้นลองมาดูปี 2560 กันบ้างว่าเทรนด์ในปีนี้มีอะไรบ้างที่กำลังมาแรงและทำให้ไลฟ์สไตล์ทุกกิจกรรมนั้นสนุกเพลิดเพลินมากขึ้น พร้อมส่องเทรนด์ใดเก่าแก่ตกยุคไปเรียบร้อยแล้ว
เริ่มกันที่เทรนด์ใดกำลังร่วง
หน้าจอ : คงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันหน้าจอแสดงผลของสมาร์ทโฟนได้เปลี่ยนแปลงแล้ว โดยทำให้สามารถชมคอนเทนต์เต็มตาจุใจอันเนื่องมาจากหน้าจอใหญ่ขึ้นด้วยการใช้อัตราส่วนใหม่ขนาด 18:9 หรือ 18.5:9 อีกทั้งคอนเทนต์ก็ยังปรับตัว เพื่อให้การแสดงผลเหมาะสมของเทรนด์หน้าจอนั่นเองดังนั้นในอนาคตจึงมีความเป็นไปได้ว่าหน้าจออัตราส่วน 16:9 อาจพบเห็นได้แค่ในรุ่นประหยัดสำหรับปี 2018 แต่เมื่อขึ้นปี 2019 ก็อาจหมดยุคเลย
ปุ่มควบคุมบนหน้าจอ : เห็นได้ชัดเลยในปีหน้า ด้าน Apple ก็ตัดสินใจยกเลิกใช้ปุ่มโฮม ซึ่งคาดเดาได้ว่า iPhone ในอนาคตก็จะเป็นลักษณะนี้เช่นกัน หรือแม้แต่ฝั่งแอนดรอยด์โฟนทั้งรุ่นกลางรุ่นท็อปก็สามารถควบคุมได้จากในหน้าจอแสดงผล
พอร์ต MicroUSB 2.0 : กลายเป็นว่าในช่วงเวลานี้คือขาลงอย่างชัดเจน โดยรุ่นกลาง รุ่นท็อปต่างหันมาใช้พอร์ต Type-C แทนแล้ว เพื่อเพิ่มความสะดวกคล่องตัวและประสิทธิภาพการถ่ายโอนข้อมูลรวมถึงการชาร์จแบตเตอรี่ทำได้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม
เมื่อพอร์ต Type-C เริ่มเข้ามา เวลาของช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรก็หมดลง : ต้องบอกว่าในปีนี้ชัดเจนเลยและหลายแบรนด์ก็ต่างยอมรับว่าฟีเจอร์ดังกล่าวเป็นเรื่องล้าสมัยแล้ว ดังนั้นจึงนิยมใช้ตัวแปลงแทนที่จะให้มีชุดฮาร์ดแวร์ภายในเครื่อง ทั้งนี้สาเหตุหลักๆ ของการยกเลิกใช้ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. คือคุณภาพเสียงที่ด้อยกว่ารวมถึงประโยชน์ที่ไม่สามารถต่อยอดหรือทำอะไรได้เพิ่มเติม ด้วยเหตุผลที่ว่าพื้นที่ภายในนั้นมีอยู่อย่างจำกัดซึ่งขึ้นอยู่กับดีไซน์ของสมาร์ทโฟน เมื่อไม่มีประโยชน์มากนักทั้งยังต้องใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หลายแบรนด์จึงต้องตัดสินใจยกเลิก
ฟังก์ชั่นวิทยุ/ฟังก์ชั่นรับสัญญาณโทรทัศน์ : เข้าสู่ยุคของแอปพลิเคชั่นหลายแบรนด์จึงเลิกใช้สองฟังก์ชั่นดังกล่าว เพิื่อลดพื้นที่ของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
สแกนลายนิ้วมือ : ไม่ได้หมายความว่าระบบสแกนม่านตาหรือสแกนใบหน้าจะเข้ามาแทนที่ แต่การสแกนลายนิ้วมือแบบเดิมจะเปลี่ยนไปแล้วเพราะมีข่าวหนาหูเลยทีเดียวปีหน้ามีเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือที่ใต้หน้าจอดังนั้นแผงเซ็นเซอร์ไม่ว่าจะเป็นปุ่มโฮมหรือแผงปุ่มด้านข้างตัวเครื่องหรือด้านหลังตัวเครื่องอาจไม่มีอีกแล้ว
กล้องเลนส์เดี่ยว : ปีนี้คือยุคของสองดีกว่าหนึ่งไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าด้านหลังมาพร้อมคู่หูทั้งนั้นบ้างใช้ RGB + Monochrome หรือเลนส์ Wide กับเลนส์ Telephoto ซึ่งต่างมีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันไป อธิบายได้ดังนี้สำหรับเลนส์สีและเลนส์ขาวดำจะทำให้ภาพมีมิติมากขึ้นเนื่องจากแต่ละชุดเลนส์จะจับเฉดสีเฉพาะทำให้มีประสิทธิภาพกว่า ขณะที่อีกลักษณะได้เปรียบในเรื่องของการจับวัตถุภาพมีความแม่นยำและเสถียรมากกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยหน่วยประมวลผลภาพและซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องด้วย
การดาวน์โหลดเพลง/ดาวน์โหลดหนัง : ย้อนกลับไปเมื่อสองสามปีที่แล้วเชื่อว่าพฤติกรรมการใช้งานส่วนใหญ่ของหลายคนมักดาวน์โหลดเพลงหรือคลิปวิดีโอลงบนเครื่องของตนเองเพื่อเอาไว้ฟังดูยามว่างฆ่าเวลา แต่ในปัจจุบันเทรนด์การใช้งานเปลี่ยนไปแล้ว เราก็ไม่ต้องมาดาวน์โหลดให้เสียเวลาเนื่องจากมีแอปพลิเคชั่นเพรียบพร้อมการสตรีมมิ่งอยู่หลายเจ้าทั้งแบบฟรีและเสียค่าใช้จ่าย
ลาก่อนซิมสองระบบ 2G : ก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่แล้วแน่นอนว่าหลายรุ่นมีฟังก์ชั่นรองรับการใช้งานสองซิมการ์ด แต่มีข้อจำกัดอยู่ที่บางครั้งต้องปิดเปิดเครื่องใหม่เพื่อใช้งานซิมสอง แต่วันเวลาผ่านไปมีการพัฒนาให้ใช้งานได้ทันทีเลย หรือด้านการเชื่อมต่อไร้สายเดิมทีแค่ระบบ 2G เท่านั้น ทว่าตอนนี้เข้าสู่ยุค 4G LTE แบบสองซิมแล้ว
สีตัวเครื่องพื้นฐาน : เชื่อว่าหลายคนต้องมีเบื่อกันบ้างกับเฉดสีแบบเดิม ทั้งสีขาว สีเทา สีทองล้วนแต่เป็นสีจำเจมาตลอดทว่าปีนี้เราได้เห็นสีใหม่เพียบเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจเข้ายุคของสไตล์แฟชั่น
แล้วฟีเจอร์ใดบ้างในสมาร์ทโฟนกำลังรุ่ง ?
เริ่มด้วยปีหน้าเป็นไปได้สูงเลยทีเดียวว่าระบบสแกนลายนิ้วมือจะเปลี่ยนไป โดยไม่มีปุ่มกายภาพแล้ว แต่ผู้ใช้สามารถยืนยันตัวตนผ่านกระจกหน้าจอสมาร์ทโฟนเลย ช่วยเพิ่มความสะดวกและคล่องตัวกับดีไซน์สวยงามมากขึ้น แน่นอนว่านี่จะเป็นเทรนด์และกลายเป็นมาตรฐานต่อในอนาคต
เมื่อพูดเรื่องหน้าจอปีที่ผ่านมา เทรนด์ใหม่ Hot Hit สุดแรงเปลี่ยนโฉมวงการสมาร์ทโฟนโดยปริยายจากที่ต้องยึดติดกับขอบจอสุดหนาเทอะทะมานานอีกทั้งหากต้องการหน้าจอใหญ่กลายเป็นว่าเครื่องมีขนาดใหญ่แทน ดังนั้นผู้ผลิตจึงต่อยอดด้วยการใช้อัตราส่วนใหม่คือ 18:9 และ 18.5:9 ของซัมซุง ข้อดีคือ : ไขข้อสงสัย! หน้าจอสมาร์ทโฟนอัตราส่วน 18:9 และความละเอียด HD+, FHD+, WQHD+ คืออะไร มีประโยชน์หรือไม่
HDR เทรนด์ใหม่มาแล้วสำหรับคอภาพยนตร์ โดยเริ่มแรกมีการนำไปประยุกต์ใช้กับการถ่ายภาพ ซึ่งเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปคอนเทนต์วิดีโอมีส่วนสำคัญต่ออุตสาหกรรมโฆษณามากขึ้น ดังนั้นรุ่นท็อปจีงก็มีการพัฒนาให้หน้าจอสมาร์ทโฟนรองรับการแสดงผลลักษณะดังกล่าวเพื่ออรรถรสในการชมวิดีโอที่แตกต่างจากเดิม : ทำความเข้าใจเทคโนโลยี HDR : กล้องและจอแสดงผล
ดีไซน์โลหะหรือกระจกเริ่มกลายเป็นมาตรฐาน : ส่วนใหญ่ใช้วัสดุโลหะแล้ว หากเป็นรุ่นพรีเมี่ยมหน่อยก็จะครอบทับด้วยกระจกอาจเป็นแค่ด้านหน้าจอหรือทั้งด้านหน้าและด้านหลังตัวเครื่อง โดยในปีหน้าเราอาจเห็นสมาร์ทโฟนบอดี้โลหะมากขึ้น ยังไงก็ต้องติดตามว่าเมื่อใดจะหมดยุควัสดุพลาสติกและวัสดุใดจะแทนที่โลหะกับกระจก ?
เฉดสีเริ่มมีตัวเลือกมากขึ้น : เพราะสมาร์ทโฟนไม่ได้เป็นแค่อุปกรณ์ติดต่อสื่อสารเพียงอย่างเดียว แต่คือแฟชั่นที่ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อเพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตนเองได้ และก็เพิ่มความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็น โทนสีม่วง สีนํ้าเงิน สีดำ สีเขียว สีแดงสด จากที่เห็นล้วนแต่แปลกใหม่ทั้งนั้น
ยุคใหม่ของระบบเชื่อมต่อ : ต้องบอกว่าในช่วงปี 2017 มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกี่ยวกับสมาร์ทโฟนที่พัฒนาต่อยอดขึ้นมาให้มีประสิทธิภาพขึ้นกว่าเดิม อาทิ ระบบการเชื่อมต่อไร้สาย 5G แม้ว่ายังไม่เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ แต่เหล่าบริษัทชั้นนำต่างทำการทดสอบในวงกว้างแล้ว และนิมิตหมายปีนี้คือคุณสมบัติรองรับการใช้งาน 4G LTE แบบสองซิมการ์ดทำให้การเชื่อมต่อไม่มีข้อจำกัดอีกต่อไป
เช่นเดียวกับพอร์ต USB Type-C เริ่มกลายเป็นมาตรฐานมากขึ้น โดยเป็นในลักษณะพอร์ตเชื่อมต่อแบบครบถ้วนหรือ Universal ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายอุปกรณ์อื่นก็ก้าวหน้าด้วย Bluetooth 5.0 ใช้เป็นจุดขายในหลายรุ่น
เทรนด์ AI หรือระบบปัญญาประดิษฐ์ : ไม่น่าเชื่อว่าอุปกรณ์ติดต่อสื่อสารจะพัฒนาก้าวไกลเดินมาถึงจุดที่ต้องใช้หน่วยประมวลผลคอมพิวเตอร์ระดับสูงนอกเหนือจากทั่วไป นั่นสามารถอธิบายได้ว่ารุ่นทุกรุ่นแม้ว่าจะยังเป็นส่วนน้อยและแบ่งออกเป็นทั้งแบบฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์ แต่ก็คาดเดาได้ว่า AI คือฟีเจอร์ใหญ่ที่หลายแบรนด์ต่างให้ความสำคัญในโลกไอทีและวงการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประโยชน์ด้านระบบปัญญาประดิษฐ์ต่ออุตสาหกรรมดังกล่าวยังไม่ชัดเจนว่าจะมีประโยชน์มากน้อยเพียงใดจึงทำให้เราต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด เชื่อว่าปี 2018 อาจเป็นยุครุ่งเรืองของเทคโนโลยีนี้เลยโดยเฉพาะกับการนำมาประยุกต์ใช้ในสมาร์ทโฟนจะสร้างความแตกต่างได้เช่นใดอย่างชัดเจน
แอปพลิเคชั่นรองรับโลกของ AR : ข้อแตกต่างสำคัญของ AR คือไม่ต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มเติม โดยสามารถทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้เลย ผู้พัฒนาแอปฯ ต่างต่อยอดด้วยการพึ่งกล้องหน้าหรือกล้องหลังและผู้ใช้ก็ใช้งานได้ในหน้ากล้อง เช่น แอปฯ ของผู้ขายเฟอร์นืเจอร์ เราก็แค่เล็งมุมที่ต้องการจัดแต่งจากนั้นก็เลือกเฟอร์นิเจอร์มาวางตกแต่งได้เลย เสมือนว่าได้ไอเดียแบบเห็นชัดจึงเลือกชุดสินค้าที่เหมาะสมต่อห้องนั่นเอง หรือแม้แต่โลกของเกมก็มีการนำระบบ AR มาเสริมเพื่อสร้างประสบการณ์การเล่นแปลกใหม่และไม่เหมือนเดิมที่เราต้องอยู่แค่ระบบภายในเกม ทว่าจะมีการนำสภาพแวดล้อมภายนอกมาร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับภายในเกม เช่น ถ้าเราไปแถวพื้นที่หญ้าอาจมีเหล่ามอนสเตอร์ธาตุดินโผล่มาหรือสมุนไพรเพื่อใช้ปรุงโพชั่น เป็นต้น
กล้องเลนส์คู่ความละเอียดสูงมากขึ้น : ย้อนกลับไปสองสามปีที่แล้วคือจุดเริ่มต้นของกล้องคู่แต่ว่าระบบการทำงานยังไม่มีประสิทธิภาพมากนัก ทั้งความเสถียร ความเป็นธรรมชาติของภาพ รวมถึงระบบประมวลผลภาพ ทว่าวันเวลาผ่านไปความละเอียดภาพกับซอฟต์แวร์เริ่มพัฒนามากขึ้นเพราะก็คือจุดขายใหม่ แต่ตามข่าวลือล่าสุดมีประเด็นน่าสนใจเนื่องจากอาจมีกล้องมากถึง 3 ตัวเลยแบรนด์เจ้าความคิดนี้คือ Huawei กับสมาร์ทโฟนรุ่น Hot Hit ซีรีย์ P โดยเปิดตัวในงาน MWC 2018
สมาร์ทโฟนมีส่วนสำคัญต่อทุกอุตสาหกรรม : ในปัจจุบันเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้วนเป็นทางเลือกในการต่อยอดธุรกิจมากมาย และสมาร์ทโฟนก็กลายเป็นส่วนหนึ่งเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ความสะดวกคล่องตัวมากมาย เช่น เช็คสินค้า การจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟน การเดินทาง หรือแม้แต่การท่องเที่ยว ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าปี 2018 คือการเติบโตของสมาร์ทโฟนอย่างแท้จริง
เป็นเรื่องธรรมดาของเทคโนโลยีและนวัตกรรมพออะไรใหม่กว่าย่อมแทนที่อะไรที่เก่ากว่า มาแล้วก็ผ่านไป ดังนั้นเรามารอติดตามกันว่าในปี 2018 จะมีประเด็นความลํ้าหน้าใดมาให้ร้องว้าวกันอีก หากสรุปในปีนี้ต้องยกให้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI), Bluetooth 5.0 และระบบประมวลผลของชิปเซ็ตที่หลายค่ายต่างแข่งขันกันอย่างดุเดือด
วันที่ : 28 ธันวาคม 2560
หลุดสเปค AirTag 2 อัปเกรดชิปฯ UWB ใหม่ ค้นหาแม่นยำไกลขึ้น 3 เท่า จ่อเปิดตัวปลายปี 20253 ชั่วโมงที่แล้ว
Xiaomi Watch S4 41mm สมาร์ทวอทช์ดีไซน์เล็กเหมาะกับผุ้หญิง แต่ประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วยชิป Xring T15 ชั่วโมงที่แล้ว
Samsung Galaxy M36 5G ใช้ชิปเซ็ต Exynos 1380 กลับมาใช้ดีไซน์โมดูลกล้องแบบนูนขึ้น13 ชั่วโมงที่แล้ว
Ai+ แบรนด์สมาร์ทโฟนใหม่ จ่อเปิดตัว 8 ก.ค. นี้ ชูจุดเด่นผลิตในอินเดีย ราคาเริ่มต้นไม่ถึง 2,xxx บาท5 ก.ค. 68 17:00
vivo X Fold5 สมาร์ทโฟนจอพับ ใช้ชิปเก่าแต่เบาบาง แถมมีแบตเตอรี่ใหญ่ถึง 6000mAh5 ก.ค. 68 15:00
Samsung Galaxy M36 5G ใช้ชิปเซ็ต Exynos 1380 กลับมาใช้ดีไซน์โมดูลกล้องแบบนูนขึ้น
Ai+ แบรนด์สมาร์ทโฟนใหม่ จ่อเปิดตัว 8 ก.ค. นี้ ชูจุดเด่นผลิตในอินเดีย ราคาเริ่มต้นไม่ถึง 2,xxx บาท
vivo X Fold5 สมาร์ทโฟนจอพับ ใช้ชิปเก่าแต่เบาบาง แถมมีแบตเตอรี่ใหญ่ถึง 6000mAh
vivo X200 FE เปิดตัวในไทย เครื่องเล็กจับใช้งาน พร้อมกล้อง ZEISS ทุกตัว
รีวิว vivo X200 FE สมาร์ตโฟนไซส์กะทัดรัด ประสิทธิภาพระดับโปร
POCO F7 สมาร์ทโฟนพลังเหนือชั้นในดีไซน์ล้ำสมัย ในราคาพิเศษเริ่มต้น 13,xxx
Nothing Phone (3) อาจจัดหนักใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 4 ชาร์จเร็วทะลุ 100W
realme P3 5G และ realme P3 Ultra 5G เล่นเกมกำลังไหว กล้องกำลังดี พร้อมวางขายในไทย
TCL เปิดตัว NXTPAPER 11 Plus แท็บเล็ตจอใหญ่ 11 นิ้ว ถนอมสายตา ในราคาต่ำหมื่น
vivo X200 FE สมาร์ทโฟนกะทัดรัด กล้อง ZEISS ถ่ายสวยซูมชัด ประกาศวันเปิดตัวในไทย
TECNO Spark Go 2 หน้าจอ 6.67 นิ้ว 120Hz กันน้ำกันฝุ่น IP64 แบตฯ 5000mAh