โดนเข้าแล้วล่ะ! 7 สัญญาณเตือนว่าเราโดน Apple ลดความเร็ว iPhone ลงแล้ว

หลังจากที่มีกระแสโจมตีมากมายเกี่ยวกับ Apple ที่ยอมรับว่าปรับลดความเร็วของการทำงานใน iPhone รุ่นเก่า (ตั้งแต่ iPhone 6 ถึง iPhone7) ให้ช้าลงกว่า 50% เพื่อใช้งานได้นานขึ้น โดยทางบริษัทก็ได้บอกวิธีการแก้ไขในส่วนนี้ คือ การเปลี่ยนแบตเตอรี่ก้อนใหม่เท่านั้น

ขณะที่ Apple เองก็จะเริ่มลดราคาการเปลี่ยนแบตฯ ตั้งแต่เดือนนี้ (มกราคม 2018) เป็นต้นไป แต่ว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าควรเปลี่ยนแบตฯ ตอนไหน ในวันนี้เราจึงนำ 7 สัญญาณเตือนที่เว็บไซต์หลักของ Apple ออกมาบอกให้รู้ว่าสมาร์ทโฟนของเรากำลังโดนลดประสิทธิภาพอยู่

• 1. เปิดแอพพลิเคชั่นนานขึ้น : ให้ลองสังเกตดูว่าแอพฯ ที่เราใช้งานเป็นประจำ ใช้เวลาในการเปิดนานขึ้นหรือไม่
• 2. Frame Rate ตกเมื่อเลื่อนหน้าจอ : ให้ลองดูจากการเล่นโซเชียลหรือเว็บเบราว์เซอร์ว่าเกิดการกระตุกหรือจอกระพริบหรือไม่
• 3. ความสว่างหน้าจอ : หน้าจอมืดลงกว่าเดิมแม้ว่าจะปรับความสว่างสูงสุดแล้วก็ตาม (ต้องหาเครื่องของมาเปรียบเทียบ)
• 4. เสียงไม่ดังกระหึ่มเหมือนเดิม : iPhone ของเราไม่ดังเหมือนเดิม เนื่องจากถูกลดเสียงสูงสุด -3 เดซิเบล
• 5. เกิดอาการกระตุกเมื่อเข้าแอพฯ บางแอพฯ : ให้ลองจากเกมที่มีสเปคแรงๆ หรือเกมที่เคยเล่นแล้วไม่กระตุก
• 6. ไฟแฟลชของกล้องไม่สามารถทำงานได้ (กรณีร้ายแรง)
• 7. แอพพลิเคชั่นไม่มีการรีเฟรช : โดยปกติแล้วแอพพลิเคชั่นต่างๆ จะมีการรีเฟรชให้อัตโนมัติแม้ไม่ได้ทำงาน เช่น แอพฯ Facebook ที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง และเมื่อเรากดเปิดขึ้นมาอีกครั้ง กลับไม่มีการรีเฟรชหรือแสดงฟีดใหม่ โดยต้องให้เราปัดลงเองเพื่อทำการรีเฟรช

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีข้อเสีย ก็ย่อมมีข้อดี เพราะ Apple ได้บอกไว้ว่าการปรับลดความเร็วดังกล่าวจะไม่ส่งผลต่อส่วนต่างๆ ดังนี้

• คุณภาพของสัญญาณเครือข่าย (Cellular) จะทำงานเป็นปกติทุกอย่าง
• คุณภาพของภาพถ่ายหรือวิดีโอยังคงความละเอียดเท่าเดิม
• ประสิทธิภาพของ GPS เท่าเดิม
• การระบุตำแหน่งยังคงแม่นยำเหมือนเดิม
• Apple Pay ทำได้ดังเดิม
• เซ็นเซอร์ต่างๆ ก็ยังคงทำงานได้ปกติ

และนี่คือทั้งหมดของสัญญาณเตือนเมื่อเราโดน Apple ลดความเร็วลง ทั้งนี้ หากใครที่เจอปัญหาอื่นนอกเหนือจาก 7 ข้อด้านบน ก็คงต้องเช็คสภาพสมาร์ทโฟนในส่วนต่างๆ กันใหม่ เพราะอาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่องลดความเร็วก็เป็นได้