www.siamphone.com

ข่าว

10 สุดยอดหูฟังไร้สาย (TWS) เสียงดีเกินใคร แบตอึดสะใจ คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ ประจำเดือนกรกฎาคม 2025

หูฟัง Earbuds (Earbuds)   |   วันที่ : 22 กรกฎาคม 2568

ตลาดหูฟังไร้สายแบบ True Wireless Stereo (TWS) ในปี 2025 นั้นคึกคักและเปี่ยมไปด้วยตัวเลือกมากมายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เทคโนโลยีที่ครั้งหนึ่งเคยสงวนไว้สำหรับรุ่นเรือธงราคาแพง เช่น ระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ (Active Noise Cancellation - ANC) และการรองรับ Codec เสียงคุณภาพสูง (Hi-Res Audio) ได้กลายเป็นมาตรฐานที่พบเห็นได้ทั่วไป แม้ในหูฟังระดับราคาที่เข้าถึงง่าย 6 การเปลี่ยนแปลงนี้ได้สร้างประโยชน์มหาศาลให้กับผู้บริโภค แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างความสับสนไม่น้อย ด้วยตัวเลือกที่ละลานตาจนยากจะตัดสินใจ

บทความนี้เป็นการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำเสนอหูฟัง TWS ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้งานชาวไทย โดยมุ่งเน้นที่การใช้งานจริงในทุกมิติ ตั้งแต่การเดินทางในชั่วโมงเร่งด่วน การประชุมออนไลน์ที่ต้องการความคมชัด ไปจนถึงการฟังเพลงในวันพักผ่อน

เกณฑ์การประเมิน

การจัดอันดับนี้อ้างอิงจากเกณฑ์การประเมินที่เข้มงวด โดยพิจารณาจากปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อประสบการณ์ของผู้ใช้งาน

  • คุณภาพเสียง (Sound Quality): หัวใจหลักของการฟัง มีการวิเคราะห์ลึกถึงบุคลิกของเสียง (Sound Signature) ตั้งแต่เสียงเบสที่หนักแน่นและมีแรงปะทะ เสียงกลางที่ชัดเจนและเป็นธรรมชาติ ไปจนถึงเสียงแหลมที่ใสเคลียร์และมีรายละเอียด โดยไม่ยึดติดกับเพียงสเปคบนกระดาษ
  • การตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancellation - ANC): ประสิทธิภาพในการลดเสียงรบกวนไม่ได้วัดกันที่ตัวเลข แต่คือประสบการณ์ความเงียบที่สัมผัสได้จริง มีการประเมินประสิทธิภาพในสถานการณ์จำลองที่หลากหลาย ตั้งแต่เสียงความถี่ต่ำของเครื่องยนต์บนท้องถนน เสียงพูดคุยในร้านกาแฟ ไปจนถึงเสียงลมที่อาจแทรกเข้ามาขณะใช้งานนอกอาคาร
  • แบตเตอรี่ (Battery Life): ความอึดคือปัจจัยสำคัญในโลกไร้สาย มีการพิจารณาทั้งระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องของตัวหูฟังต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และพลังงานสำรองทั้งหมดที่ได้รับจากเคสชาร์จ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าหูฟังจะพร้อมใช้งานตลอดทั้งวัน
  • ความคุ้มค่า (Value for Money): การประเมินราคาเทียบกับประสิทธิภาพและฟีเจอร์ที่ได้รับ โดยอ้างอิงจากราคาจำหน่ายในตลาดประเทศไทยเป็นหลัก เพื่อให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่นำไปใช้ตัดสินใจได้จริง
  • การสวมใส่และดีไซน์ (Comfort & Design): ความสบายในการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน และความกระชับมั่นคงในการสวมใส่ระหว่างทำกิจกรรมต่างๆ ถือเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้
  • คุณภาพการโทร (Call Quality): ในยุคที่การทำงานและการสื่อสารเกิดขึ้นได้ทุกที่ คุณภาพของไมโครโฟนที่สามารถจับเสียงพูดได้อย่างคมชัดและตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญ
  • การเชื่อมต่อและฟีเจอร์พิเศษ (Connectivity & Features): ความเสถียรของสัญญาณ Bluetooth, ฟังก์ชันการเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์พร้อมกัน (Multipoint Connection), และฟีเจอร์เฉพาะตัวที่แต่ละแบรนด์นำเสนอเพื่อสร้างความแตกต่างและความได้เปรียบในการแข่งขัน

การมาถึงของฟีเจอร์ระดับพรีเมียมในหูฟังราคาเข้าถึงได้นั้นเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดส่งผลให้ต้นทุนชิ้นส่วนลดลง และแบรนด์อย่าง Earfun หรือ SoundPEATS ได้สร้างโมเดลธุรกิจที่ท้าทายสมการราคาต่อประสิทธิภาพอย่างสิ้นเชิง 9 สิ่งนี้ส่งผลให้การมีอยู่ของฟีเจอร์อย่าง ANC ไม่ใช่เรื่องพิเศษอีกต่อไป แต่คุณภาพของ ANC ต่างหากที่กลายเป็นตัวตัดสิน การจัดอันดับนี้จึงมุ่งเน้นไปที่การแยกแยะระหว่าง ANC แค่พอมี กับ ANC ที่เงียบสงัดจริง เพื่อนำเสนอมุมมองที่ลึกซึ้งกว่าการเปรียบเทียบคุณสมบัติเพียงผิวเผิน

10. SoundPEATS Air4 Pro: แชมป์สายประหยัด ฟีเจอร์จัดเต็ม

คุณสมบัติเด่น:

  • ระยะเวลาใช้งาน: 6.5 ชั่วโมง (ปิด ANC), 4 ชั่วโมง (เปิด ANC) / รวมเคส 26 ชั่วโมง
  • การตัดเสียงรบกวน (ANC): มี (Hybrid ANC สูงสุด 45dB)
  • Codec หลัก: aptX Lossless, AAC, SBC
  • การกันน้ำ: IPX4
  • ราคาประมาณ: 2,590 - 2,690 บาท

SoundPEATS Air4 Pro คือข้อพิสูจน์ว่าหูฟังราคาประหยัดไม่จำเป็นต้องด้อยคุณภาพเสมอไป จุดเด่นที่สร้างความประหลาดใจมากที่สุดคือการรองรับ Codec ระดับ aptX Lossless ซึ่งปกติจะพบได้ในหูฟังราคาสูงกว่านี้มาก ทำให้ผู้ใช้สมาร์ตโฟน Android ที่รองรับสามารถสัมผัสประสบการณ์เสียงระดับ CD-quality ได้อย่างน่าทึ่ง

ในด้านคุณภาพเสียง Air4 Pro ให้โทนเสียงที่เน้นเบสหนักแน่นและฟังสนุก (meaty bass) ซึ่งตอบโจทย์เพลงตลาดส่วนใหญ่ได้เป็นอย่างดี และสำหรับผู้ที่ต้องการความสมดุลมากขึ้น ก็สามารถเข้าไปปรับแต่ง Equalizer ผ่านแอปพลิเคชัน SoundPEATS ได้ ระบบตัดเสียงรบกวนแบบไฮบริดทำหน้าที่ได้ดีเกินคาดสำหรับราคานี้ โดยสามารถลดเสียงรบกวนในย่านความถี่ต่ำ เช่น เสียงเครื่องยนต์หรือเสียงแอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณภาพการสนทนาผ่านไมโครโฟนก็เป็นอีกหนึ่งจุดแข็ง ด้วยเทคโนโลยี AptX Voice ที่ช่วยให้เสียงพูดมีความคมชัด

อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตบางประการที่ต้องพิจารณา แบตเตอรี่เมื่อเปิดใช้งาน ANC จะลดลงเหลือประมาณ 4 ชั่วโมงต่อการชาร์จ ซึ่งค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โหมดรับเสียงภายนอก (Transparency Mode) ยังทำงานได้ไม่โดดเด่นนัก และวัสดุของเคสชาร์จก็เป็นพลาสติกที่ดูธรรมดาตามราคา แต่เมื่อพิจารณาจากราคาและฟีเจอร์ที่ได้มาทั้งหมด SoundPEATS Air4 Pro ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับผู้ที่เริ่มต้นเข้าสู่วงการ TWS หรือผู้ที่มองหาหูฟังสำรองที่ฟังก์ชันครบครัน

ข้อดี / ข้อสังเกต

  • ข้อดี: คุ้มค่าสูงสุดในตลาด, รองรับ Codec เสียงคุณภาพสูง aptX Lossless, ระบบ ANC ใช้งานได้จริง, คุณภาพการโทรคมชัดเกินราคา
  • ข้อสังเกต: แบตเตอรี่เมื่อเปิด ANC ค่อนข้างน้อย, โหมดรับเสียงภายนอกยังไม่โดดเด่น, วัสดุเคสดูธรรมดา

9. Earfun Air Pro 4: ม้ามืดสุดคุ้ม เสียงดีเกินราคา

คุณสมบัติเด่น:

  • ระยะเวลาใช้งาน: 7.5 ชั่วโมง (เปิด ANC) / รวมเคส 52 ชั่วโมง
  • การตัดเสียงรบกวน (ANC): มี (QuietSmart™ 3.0 Adaptive ANC สูงสุด 50dB)
  • Codec หลัก: aptX Adaptive, LDAC, aptX Lossless
  • การกันน้ำ: IPX5
  • ราคาประมาณ: 2,790 - 3,290 บาท

Earfun ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะราชาแห่งความคุ้มค่า (Value King) และ Air Pro 4 ก็ตอกย้ำสถานะนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ หูฟังรุ่นนี้มอบประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกับรุ่นเรือธงในราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่ามาก เสียงที่ออกจากกล่อง (out-of-the-box) ถูกปรับจูนมาให้มีเบสที่หนักและกระแทกกระทั้น ซึ่งถูกใจผู้ฟังส่วนใหญ่ แต่ก็ยังคงความชัดเจนของเสียงกลางและเสียงแหลมไว้ได้ดี ไม่ทับซ้อนจนมัว และผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งเสียงเพิ่มเติมผ่านแอปพลิเคชันเพื่อหาโทนเสียงที่ถูกใจได้

จุดแข็งที่โดดเด่นที่สุดคือประสิทธิภาพของระบบ ANC ที่หลายสำนักรีวิวในต่างประเทศยกย่องว่าดีที่สุดในกลุ่มราคาต่ำกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3,XXX บาท ควบคู่ไปกับแบตเตอรี่ที่อึดมหาศาล สามารถใช้งานได้ยาวนานเกือบ 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้งเมื่อเปิด ANC ทำให้เป็นเพื่อนคู่ใจในการเดินทางไกลหรือวันทำงานที่ยาวนานได้อย่างไร้กังวล นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ที่ครบครันอย่างน่าประทับใจ ทั้งการรองรับ Codec ที่หลากหลาย, การชาร์จไร้สาย (wireless charging), และเซนเซอร์ตรวจจับการสวมใส่ (ear-detection)

แม้ว่าคุณภาพการสนทนาผ่านไมโครโฟนและการตอบสนองของระบบสัมผัสจะยังไม่เทียบเท่ารุ่นเรือธงราคาแพง, แต่ด้วยราคาและสิ่งที่ให้มาทั้งหมด Earfun Air Pro 4 ถือเป็นตัวเลือกที่ยากจะหาใครมาเทียบได้ในแง่ของความคุ้มค่าโดยรวม

ข้อดี / ข้อสังเกต

  • ข้อดี: คุ้มค่าอย่างยิ่ง, แบตเตอรี่อึดถึกทนเป็นพิเศษ, ระบบ ANC ประสิทธิภาพสูงเกินราคา, เสียงเบสหนักแน่นฟังสนุก, ฟีเจอร์ครบครัน
  • ข้อสังเกต: คุณภาพการโทรและการควบคุมด้วยระบบสัมผัสยังเป็นรองรุ่นเรือธง, เสียงตั้งต้นอาจมีเบสที่หนักเกินไปสำหรับบางคน

8. Jabra Elite 10: ที่สุดแห่งความสบายและเสียงสนทนาที่คมชัด

คุณสมบัติเด่น:

  • ระยะเวลาใช้งาน: 6 ชั่วโมง (เปิด ANC) / รวมเคส 27 ชั่วโมง
  • การตัดเสียงรบกวน (ANC): มี (Jabra Advanced ANC™)
  • Codec หลัก: AAC, SBC
  • การกันน้ำ: IP57
  • ราคาประมาณ: 7,990 - 9,500 บาท

Jabra ให้ความสำคัญกับประสบการณ์การใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง และ Elite 10 คือผลลัพธ์ของการออกแบบที่เน้นความสบายในการสวมใส่เป็นอันดับแรก โดยอ้างอิงข้อมูลจากการสแกนใบหูมากกว่า 62,000 ใบหู ผู้ใช้งานจริงหลายคนยืนยันว่านี่คือหนึ่งในหูฟังที่ใส่สบายที่สุดในตลาด สามารถใช้งานได้ยาวนานโดยไม่รู้สึกเจ็บหรือระคายเคือง

จุดแข็งที่โดดเด่นอีกประการคือคุณภาพการสนทนาที่คมชัดเป็นพิเศษ ด้วยไมโครโฟนถึง 6 ตัวที่ทำงานร่วมกับอัลกอริธึมในการตัดเสียงรบกวน ทำให้เสียงพูดของผู้ใช้ยังคงชัดเจนแม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสียงดัง Elite 10 ยังมาพร้อมฟีเจอร์ทันสมัยอย่าง Spatial Audio with Dolby Atmos ที่ช่วยเพิ่มมิติและความสมจริงให้กับเสียงเพลงและภาพยนตร์ ระบบ ANC ก็ได้รับการอัปเกรดให้มีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อนๆ ของ Jabra ถึงสองเท่า

อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตที่สำคัญที่สุดและอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับนักฟังเพลงบางกลุ่มคือการที่ Elite 10 ไม่รองรับ Hi-Res Audio Codec อย่าง aptX หรือ LDAC นี่หมายความว่าแม้หูฟังจะให้เสียงที่ดี แต่ก็ไม่สามารถถ่ายทอดรายละเอียดเสียงในระดับสูงสุดจากไฟล์เพลงคุณภาพสูงได้เท่ากับคู่แข่งในระดับราคาเดียวกัน ดังนั้น Elite 10 จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความสบายในการสวมใส่และคุณภาพการโทรที่เหนือกว่าสิ่งอื่นใด

ข้อดี / ข้อสังเกต

  • ข้อดี: สวมใส่สบายที่สุดในตลาด, คุณภาพการโทรยอดเยี่ยม, มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับสูง IP57, รองรับ Dolby Atmos
  • ข้อสังเกต: ไม่รองรับ Hi-Res Codecs (aptX, LDAC), ราคาสูงเมื่อเทียบกับฟีเจอร์ด้านคุณภาพเสียงเพลง

7. Nothing Ear (a): ดีไซน์เด่น เสียงเกินตัว ในราคาที่จับต้องได้

คุณสมบัติเด่น:

  • ระยะเวลาใช้งาน: 5.5 ชั่วโมง (เปิด ANC) / รวมเคส 24.5 ชั่วโมง
  • การตัดเสียงรบกวน (ANC): มี (สูงสุด 45dB)
  • Codec หลัก: LDAC, AAC, SBC
  • การกันน้ำ: IP54 (หูฟัง), IPX2 (เคส)
  • ราคาประมาณ: 3,299 - 3,799 บาท

Nothing Ear (a) คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างศิลปะและเทคโนโลยี สร้างความโดดเด่นด้วยดีไซน์โปร่งใสอันเป็นเอกลักษณ์และสีเหลืองที่สะดุดตา ทำให้มันเป็นมากกว่าหูฟัง แต่เป็นแฟชั่นไอเท็มชิ้นหนึ่ง แต่ภายใต้รูปลักษณ์ที่สวยงามนั้นคือประสิทธิภาพที่น่าประทับใจ คุณภาพเสียงได้รับการยกย่องว่ามีชีวิตชีวา (lively) และให้ความรู้สึกแพง (expensive) เกินราคาค่าตัว การรองรับ LDAC Codec ยังช่วยให้ผู้ใช้ Android สามารถสตรีมเพลงแบบ Hi-Res Audio ได้ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ชัดเจนในกลุ่มราคานี้

ระบบ ANC ทำงานได้ดีเกินคาด สามารถลดเสียงรบกวนรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม มีจุดที่ต้องพิจารณาคือระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่อยู่ในระดับปานกลาง คือประมาณ 5.5 ชั่วโมงเมื่อเปิด ANC และเคสชาร์จไม่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับบางคน

โดยรวมแล้ว Nothing Ear (a) เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการหูฟังที่โดดเด่นทั้งในด้านดีไซน์และคุณภาพเสียง โดยที่ยังคงราคาไว้ในระดับที่เข้าถึงได้ง่าย เป็นการสร้างสมดุลที่ยอดเยี่ยมระหว่างสไตล์, ประสิทธิภาพ, และราคา

ข้อดี / ข้อสังเกต

  • ข้อดี: ดีไซน์โดดเด่นมีสไตล์, คุณภาพเสียงยอดเยี่ยมสำหรับราคานี้, รองรับ LDAC, ระบบ ANC ทำงานได้ดี
  • ข้อสังเกต: แบตเตอรี่อยู่ในระดับปานกลาง, เคสไม่รองรับการชาร์จไร้สาย

6. Samsung Galaxy Buds3 Pro: คู่หูสมบูรณ์แบบสำหรับสาวก Samsung

คุณสมบัติเด่น:

  • ระยะเวลาใช้งาน: 7 ชั่วโมง (เปิด ANC) / รวมเคสสูงสุด 30 ชั่วโมง
  • การตัดเสียงรบกวน (ANC): มี (Intelligent ANC)
  • Codec หลัก: Samsung Seamless Codec, AAC, SBC
  • การกันน้ำ: IP57
  • ราคาประมาณ: 7,000 - 8,000 บาท

ช่องทางการสั่งซื้อ

Samsung Galaxy Buds3 Pro คือคำตอบที่ชัดเจนของ Samsung ที่ส่งมาท้าชนกับ AirPods Pro 2 โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้งานในระบบนิเวศของตนเองโดยเฉพาะ ประสบการณ์การใช้งานหูฟังรุ่นนี้จะสมบูรณ์แบบที่สุดเมื่อจับคู่กับสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ต Galaxy เนื่องจากจะสามารถปลดล็อกฟีเจอร์พิเศษต่างๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น Samsung Seamless Codec ที่ให้คุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi 24-bit และฟีเจอร์ AI ต่างๆ ที่ผสานเข้ากับระบบปฏิบัติการ

คุณภาพเสียงนั้นยอดเยี่ยมด้วยการออกแบบที่ใช้ไดรเวอร์สองตัว (Dual Driver Design) ซึ่งให้เสียงแหลมที่คมชัดและเบสที่มีคุณภาพและรายละเอียดดีเยี่ยม คุณภาพการสนทนาก็อยู่ในระดับแนวหน้า (top-notch) ทำให้เหมาะกับการใช้งานเพื่อการทำงานและการสื่อสาร ดีไซน์ใหม่ที่เปลี่ยนมาใช้ก้าน (Samsung เรียกว่า blades) อาจเป็นที่ถกเถียงสำหรับแฟนๆ รุ่นก่อน แต่ก็มีข้อดีในแง่ของการสวมใส่ที่กระชับกับผู้คนหลากหลายขึ้นและช่วยให้ตำแหน่งของไมโครโฟนทำงานได้ดีกว่าเดิม

ข้อจำกัดที่ใหญ่ที่สุดของ Buds3 Pro คือการที่มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อชาว Samsung โดยเฉพาะ ผู้ใช้งาน iPhone จะไม่สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันเพื่อปรับแต่งค่าต่างๆ ได้เลย ดังนั้น หากผู้ใช้เป็นเจ้าของสมาร์ตโฟน Samsung และต้องการประสบการณ์เสียงไร้สายที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นี่คือตัวเลือกที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่สำหรับผู้ใช้สมาร์ตโฟนยี่ห้ออื่น ยังมีตัวเลือกที่น่าสนใจกว่าในตลาด

ข้อดี / ข้อสังเกต

  • ข้อดี: คุณภาพเสียงและคุณภาพการโทรยอดเยี่ยม, ผสานการทำงานกับ Samsung Ecosystem ได้อย่างไร้รอยต่อ, กันน้ำระดับสูง IP57
  • ข้อสังเกต: ฟีเจอร์ที่ดีที่สุดสงวนไว้สำหรับผู้ใช้ Samsung เท่านั้น, ดีไซน์แบบมีก้านอาจไม่ถูกใจทุกคน, ราคาอยู่ในระดับพรีเมียม

5. Apple AirPods Pro 2 (USB-C): มาตรฐานทองคำสำหรับผู้ใช้ iPhone

คุณสมบัติเด่น:

  • ระยะเวลาใช้งาน: 6 ชั่วโมง (เปิด ANC) / รวมเคส 30 ชั่วโมง
  • การตัดเสียงรบกวน (ANC): มี (พร้อม Adaptive Transparency)
  • Codec หลัก: AAC, SBC
  • การกันน้ำ: IP54
  • ราคาประมาณ: 8,990 บาท

สำหรับผู้ที่อยู่ในระบบนิเวศของ Apple การตัดสินใจเลือกซื้อหูฟัง TWS นั้นง่ายดายอย่างยิ่ง Apple AirPods Pro 2 ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีอย่างไม่มีข้อกังขา เหตุผลสำคัญไม่ได้มาจากคุณภาพเสียงหรือ ANC ที่ดีที่สุดในตลาดเพียงอย่างเดียว แต่มาจากการผสานรวมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ไร้รอยต่อจนคู่แข่งไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ ชิปฯ H2 ที่อยู่ภายในคือหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนทุกอย่าง ตั้งแต่การเชื่อมต่อที่รวดเร็วและเสถียร, การสลับการใช้งานระหว่าง iPhone, iPad, และ Mac โดยอัตโนมัติ, ไปจนถึงฟีเจอร์อย่าง Personalized Spatial Audio ที่สร้างมิติเสียงโอบล้อมรอบตัวผู้ใช้

ประสิทธิภาพของ ANC ได้รับการยกระดับขึ้นอย่างมาก สามารถลดเสียงรบกวนรอบข้างได้สูงถึง 83% ตามการทดสอบ ขณะเดียวกัน โหมด Adaptive Transparency ก็ทำงานได้อย่างน่าทึ่ง โดยจะลดเสียงดังที่เป็นอันตรายแบบฉับพลันลง แต่ยังคงให้ได้ยินเสียงสภาพแวดล้อมที่สำคัญอยู่ คุณภาพเสียงโดยรวมนั้นยอดเยี่ยม มีการเน้นเสียงเบสเล็กน้อยซึ่งถูกใจผู้ฟังส่วนใหญ่

แน่นอนว่าประสบการณ์ที่ดีที่สุดนี้จำกัดอยู่บนอุปกรณ์ของ Apple เท่านั้น นอกจากนี้ แบตเตอรี่ยังคงเป็นรองคู่แข่งบางราย และไม่มี Equalizer ให้ปรับแต่งเสียงได้อย่างอิสระในระดับของระบบปฏิบัติการ ซึ่งเป็นข้อสังเกตสำหรับผู้ที่ต้องการการควบคุมที่ละเอียดกว่านี้ แต่สำหรับผู้ใช้ iPhone ส่วนใหญ่ ความง่ายดายและความมหัศจรรย์ของ Ecosystem คือเหตุผลที่เพียงพอแล้วที่จะทำให้ AirPods Pro 2 เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่ง

ข้อดี / ข้อสังเกต

  • ข้อดี: ทำงานร่วมกับ Apple Ecosystem ได้ดีที่สุดอย่างไร้ที่ติ, ระบบ ANC และ Transparency Mode ยอดเยี่ยมและใช้งานได้จริง, ประสบการณ์การใช้งานง่ายและสะดวกสบายที่สุด
  • ข้อสังเกต: ประสบการณ์ที่ดีที่สุดจำกัดอยู่บนอุปกรณ์ Apple, ไม่รองรับ Hi-Res Codecs, ไม่สามารถปรับแต่ง EQ ได้

4. Bose QuietComfort Ultra Earbuds: เจ้าพ่อแห่งความเงียบสงัด

คุณสมบัติเด่น:

  • ระยะเวลาใช้งาน: 6 ชั่วโมง (เปิด ANC) / รวมเคส 24 ชั่วโมง
  • การตัดเสียงรบกวน (ANC): มี (ดีที่สุดในโลก)
  • Codec หลัก: aptX Adaptive, AAC, SBC
  • การกันน้ำ: IPX4
  • ราคาประมาณ: 11,490 บาท

ช่องทางการสั่งซื้อ

เมื่อพูดถึงการตัดเสียงรบกวน ชื่อของ Bose ยังคงยืนหนึ่งอย่างไม่มีใครเทียบได้ และ QuietComfort Ultra Earbuds ก็ตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านนี้อย่างชัดเจน เทคโนโลยี ANC ของ Bose สามารถสร้างโลกส่วนตัวที่เงียบสงัดได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นบนเครื่องบินที่เสียงดัง หรือในร้านกาแฟที่วุ่นวาย เทคโนโลยี CustomTune ยังช่วยปรับแต่งทั้งเสียงและระบบ ANC ให้เข้ากับรูปทรงของหูผู้ใช้แต่ละคนโดยอัตโนมัติ ทำให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดเสมอ

คุณภาพเสียงก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ให้เสียงที่สมดุลเป็นธรรมชาติ เบสอุ่น มีพลัง และลงได้ลึกโดยไม่ไปบดบังย่านอื่น ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจคือ Immersive Audio ซึ่งเป็นระบบเสียงรอบทิศทาง (Spatial Audio) ของ Bose ที่สร้างเวทีเสียงที่กว้างและสมจริง ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังฟังดนตรีสดอยู่ตรงหน้า การออกแบบที่มาพร้อม Fit Kit ซึ่งมีจุกหูฟังและ stability bands หลายขนาด ช่วยให้สวมใส่ได้สบายและกระชับมั่นคง

อย่างไรก็ตาม QC Ultra Earbuds ยังมีจุดที่ต้องพิจารณา ข้อแรกคือคุณภาพการสนทนาผ่านไมโครโฟนที่ยังทำได้ไม่ดีเท่าคู่แข่ง โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังรบกวน และข้อสองคือตัวเคสชาร์จไม่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ควรจะมีในหูฟังระดับราคานี้ แต่สำหรับผู้ที่ต้องการความเงียบสงบขั้นสูงสุดเป็นเป้าหมายหลัก Bose QC Ultra Earbuds คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด

ข้อดี / ข้อสังเกต

  • ข้อดี: ระบบตัดเสียงรบกวนดีที่สุดในตลาดอย่างไม่มีใครเทียบ, คุณภาพเสียงยอดเยี่ยมพร้อม Immersive Audio ที่น่าประทับใจ, สวมใส่สบายและกระชับมาก
  • ข้อสังเกต: คุณภาพการสนทนาในที่เสียงดังยังไม่ดีที่สุด, เคสไม่รองรับการชาร์จไร้สาย, ราคาค่อนข้างสูง

3. Sennheiser Momentum True Wireless 4: ตัวเลือกของนักฟังเพลงตัวจริง

คุณสมบัติเด่น:

  • ระยะเวลาใช้งาน: 7.5 ชั่วโมง (เปิด ANC) / รวมเคส 30 ชั่วโมง
  • การตัดเสียงรบกวน (ANC): มี (Adaptive)
  • Codec หลัก: aptX Lossless, aptX Adaptive, LC3
  • การกันน้ำ: IP54
  • ราคาประมาณ: 10,700 - 11,890 บาท

สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพเสียงเป็นอันดับหนึ่ง Sennheiser Momentum True Wireless 4 (MTW4) คือตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุดในลิสต์นี้ Sennheiser ยังคงยึดมั่นในปรัชญาการสร้างเสียงที่เป็นธรรมชาติ (natural), บริสุทธิ์ (pure), และแม่นยำ (accurate) MTW4 ให้เสียงที่มีความสมดุลอย่างยอดเยี่ยม รายละเอียดในแต่ละย่านเสียงถูกถ่ายทอดออกมาอย่างครบถ้วน เสียงเบสมีคุณภาพและน้ำหนักกำลังดี เสียงร้องมีความใกล้ชิดและเป็นธรรมชาติ ในขณะที่เสียงแหลมก็มีความนุ่มนวลฟังสบาย

จุดเด่นที่สุดคือการรองรับ Codec เสียงคุณภาพสูงที่ครบครันที่สุดในตลาด ตั้งแต่ aptX Lossless ที่ให้คุณภาพเสียงระดับเดียวกับซีดี ไปจนถึง LE Audio และ Auracast ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะเปลี่ยนประสบการณ์การฟังเสียงในที่สาธารณะ แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนานถึง 7.5 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

แม้ว่าระบบ ANC จะทำงานได้ดีมาก แต่ก็ยังเป็นรองผู้นำตลาดอย่าง Bose อยู่เล็กน้อย และด้วยขนาดของตัวหูฟังที่ค่อนข้างใหญ่ อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีใบหูเล็ก แต่สำหรับ Audiophile ที่ต้องการคุณภาพเสียงสูงสุดจากหูฟัง TWS และเทคโนโลยีที่พร้อมสำหรับอนาคต MTW4 ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

ข้อดี / ข้อสังเกต

  • ข้อดี: คุณภาพเสียงระดับอ้างอิง เป็นธรรมชาติและมีรายละเอียดสูง, รองรับ Codec แห่งอนาคตครบครันที่สุด, แบตเตอรี่อึด, ระบบควบคุมปรับแต่งได้หลากหลาย
  • ข้อสังเกต: ประสิทธิภาพ ANC ยังไม่ถึงขั้นดีที่สุด, ตัวหูฟังอาจมีขนาดใหญ่เกินไปสำหรับบางคน

2. Technics EAH-AZ100: เรือธงคลื่นลูกใหม่ ท้าชนทุกค่าย

คุณสมบัติเด่น:

  • ระยะเวลาใช้งาน: 10 ชั่วโมง (เปิด ANC, Codec AAC) / รวมเคส 28 ชั่วโมง
  • การตัดเสียงรบกวน (ANC): มี (Adaptive)
  • Codec หลัก: LDAC, AAC, SBC, LC3
  • การกันน้ำ: IPX4
  • ราคาประมาณ: 10,000 - 11,000 บาท

Technics EAH-AZ100 คือการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของแบรนด์ระดับตำนานในวงการเครื่องเสียง โดยเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากรุ่น AZ80 ที่ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม และยกระดับขึ้นในทุกมิติ โดยเฉพาะด้านแบตเตอรี่และ ANC คุณภาพเสียงอยู่ในระดับ Reference-class อย่างแท้จริง ด้วยไดรเวอร์ Magnetic Fluid ขนาด 10 มม. ที่พัฒนามาจากหูฟังระดับอ้างอิงของค่าย ให้เสียงเบสที่แม่นยำ ลงได้ลึก และมีไดนามิกส์ที่ยอดเยี่ยม สื่อชั้นนำอย่าง What Hi-Fi? ถึงกับยกให้เป็นหูฟังไร้สายระดับพรีเมียมที่ดีที่สุด

จุดที่น่าทึ่งที่สุดคือความอึดของแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 10 ชั่วโมงเต็มเมื่อเปิดใช้งาน ANC ซึ่งถือว่าดีที่สุดในกลุ่มหูฟังเรือธงทั้งหมด 35 ระบบ ANC ก็ได้รับการปรับปรุงจนมีประสิทธิภาพสูง สามารถแข่งขันกับ AirPods Pro 2 ได้อย่างสูสี อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพสูงสุดของ ANC จะขึ้นอยู่กับการสวมใส่ที่กระชับพอดีกับหูของผู้ใช้แต่ละคน

ฟีเจอร์ที่โดดเด่นและเหนือกว่าคู่แข่งทุกรายในลิสต์นี้คือความสามารถในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ 3 เครื่องพร้อมกัน (Multipoint for 3 devices) ทำให้สามารถสลับการใช้งานระหว่างโน้ตบุ๊ก, แท็บเล็ต, และสมาร์ตโฟนได้อย่างราบรื่น ด้วยคุณภาพเสียงระดับสูง แบตเตอรี่ที่เหนือชั้น และฟีเจอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ Technics EAH-AZ100 กลายเป็นผู้ท้าชิงที่น่ากลัวที่สุดในสมรภูมิ TWS ปีนี้

ข้อดี / ข้อสังเกต

  • ข้อดี: คุณภาพเสียงระดับพรีเมียม, แบตเตอรี่อึดที่สุดในกลุ่มเรือธง, สามารถเชื่อมต่อได้ 3 อุปกรณ์พร้อมกัน, สวมใส่สบาย
  • ข้อสังเกต: ประสิทธิภาพของ ANC อาจขึ้นอยู่กับการสวมใส่ที่พอดี, ราคาอยู่ในระดับสูง

1. Sony WF-1000XM5: ราชันย์ผู้สมบูรณ์แบบแห่งปี 2025

คุณสมบัติเด่น:

  • ระยะเวลาใช้งาน: 8 ชั่วโมง (เปิด ANC) / รวมเคส 24 ชั่วโมง
  • การตัดเสียงรบกวน (ANC): มี (ดีที่สุดในตลาด)
  • Codec หลัก: LDAC, AAC, SBC, LC3
  • การกันน้ำ: IPX4
  • ราคาประมาณ: 8,990 - 9,990 บาท

ณ จุดสูงสุดของบัลลังก์หูฟัง TWS แห่งปี 2025 คือ Sony WF-1000XM5 หูฟังที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์จากสื่อทั่วโลกว่าเป็นมาตรฐานใหม่ (benchmark) และดีที่สุดในภาพรวม (best overall) ของตลาดในปัจจุบัน ความยอดเยี่ยมของ WF-1000XM5 ไม่ได้มาจากจุดเด่นเพียงด้านใดด้านหนึ่ง แต่มาจากการทำได้ดีเยี่ยมในทุกๆ ด้านอย่างสมดุล ไม่ว่าจะเป็นระบบตัดเสียงรบกวนที่ได้รับการยอมรับว่าดีที่สุดในตลาด, คุณภาพเสียงที่ให้รายละเอียดและความคมชัดระดับแนวหน้า, และฟีเจอร์การใช้งานที่ครบครัน

Sony ได้แก้ไขจุดอ่อนสำคัญของรุ่นก่อน (XM4) ด้วยการออกแบบใหม่ทั้งหมด ทำให้ WF-1000XM5 มีขนาดเล็กลง 25% และเบาลง 20% ส่งผลให้สวมใส่สบายขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การออกแบบที่เล็กลงนี้ก็อาจเป็นดาบสองคมได้เช่นกัน สำหรับผู้ใช้บางคน การหาขนาดจุกหูฟังที่สร้างซีลที่สมบูรณ์แบบและกระชับพอดีอาจทำได้ยากขึ้น ซึ่งการซีลที่ไม่ดีจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพของ ANC และการตอบสนองของเสียงเบส ดังนั้น การได้ทดลองสวมใส่ก่อนซื้อจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับหูฟังรุ่นนี้

นอกจากนี้ คุณภาพการสนทนาก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นมากด้วยไมโครโฟนที่ทำงานร่วมกับ AI ในการลดเสียงรบกวน ด้วยความสมบูรณ์แบบในทุกมิติ ทำให้ Sony WF-1000XM5 สามารถครองตำแหน่งหูฟัง TWS ที่ดีที่สุดแห่งปี 2025 ไปได้อย่างไร้ข้อกังขา

ข้อดี / ข้อสังเกต

  • ข้อดี: เป็นหูฟังที่สมดุลและดีที่สุดในทุกด้าน (The Best All-Rounder), ระบบ ANC ดีที่สุดในตลาด, คุณภาพเสียงยอดเยี่ยม, ดีไซน์ใหม่เล็กและสบาย, ฟีเจอร์ครบครัน
  • ข้อสังเกต: การสวมใส่ให้พอดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพสูงสุด, เสียงเบสอาจไม่หนักเท่าคู่แข่งบางตัว
 

The Best For You: คัดมาให้แล้ว ที่สุดในแต่ละด้าน

เนื่องจากการจัดอันดับโดยรวมอาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ทุกคน และหูฟังที่ดีที่สุดคือรุ่นที่เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละบุคคลมากที่สุด จึงมีการคัดเลือกผู้ชนะในแต่ละสาขาโดยเฉพาะ 

ที่สุดเพื่อชาว Apple (Best for Apple Users): Apple AirPods Pro 2

  • เหตุผล: ไม่มีหูฟังตัวไหนที่จะมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นและผสานเป็นหนึ่งเดียวกับอุปกรณ์ Apple ได้เท่านี้อีกแล้ว ตั้งแต่การเชื่อมต่อที่ง่ายดาย, การสลับอุปกรณ์อัตโนมัติ, Adaptive Transparency, ไปจนถึง Spatial Audio ที่ทำงานร่วมกับชิปฯ H2 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ นี่คือตัวเลือกที่มอบความสะดวกสบายสูงสุด

ที่สุดเพื่อชาว Android (Best for Android Users): Samsung Galaxy Buds3 Pro / Technics EAH-AZ100

  • เหตุผล: สำหรับผู้ใช้ Samsung, Galaxy Buds3 Pro คือคู่ที่สมบูรณ์แบบที่สุดด้วย Samsung Seamless Codec และฟีเจอร์ AI ที่ทำงานร่วมกันอย่างลึกซึ้งสำหรับผู้ใช้Android ทั่วไป, Technics EAH-AZ100 คือคำตอบที่ยอดเยี่ยม ด้วยคุณภาพเสียงระดับพรีเมียม, แบตเตอรี่ที่อึดที่สุด, และความสามารถในการเชื่อมต่อ 3 อุปกรณ์พร้อมกันที่ไม่เหมือนใคร

ที่สุดแห่งการตัดเสียงรบกวน (The Ultimate Noise-Cancelling): Bose QuietComfort Ultra Earbuds

  • เหตุผล: หากเป้าหมายสูงสุดคือความเงียบสงัด Bose ยังคงเป็นราชาที่ไม่มีใครโค่นลงได้ ระบบ ANC ของ QC Ultra Earbuds ได้รับการยอมรับจากทุกสำนักว่าเป็นที่สุดของตลาด สามารถพาผู้ใช้หลีกหนีจากความวุ่นวายรอบตัวได้อย่างแท้จริง

ที่สุดแห่งคุณภาพเสียง (The Audiophile's Choice): Sennheiser Momentum True Wireless 4

  • เหตุผล: สำหรับนักฟังเพลงที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีที่สุด MTW4 คือคำตอบ ด้วยเสียงที่เป็นธรรมชาติ มีรายละเอียดสูง สมดุล และรองรับ Codec ระดับ Lossless ที่จะรีดเค้นทุกรายละเอียดจากไฟล์เพลง

ที่สุดแห่งความคุ้มค่า (The Best Value Champion): Earfun Air Pro 4 / Nothing Ear (a)

  • เหตุผล: ทั้งสองรุ่นนี้มอบฟีเจอร์และคุณภาพที่ใกล้เคียงรุ่นเรือธงในราคาที่ถูกกว่าครึ่ง Earfun Air Pro 4 โดดเด่นเรื่องความครบเครื่องและแบตเตอรี่ที่อึดมหาศาล ส่วน Nothing Ear (a) ชนะใจด้วยดีไซน์ที่มีสไตล์และคุณภาพเสียงที่รองรับ LDAC

ที่สุดของสายประหยัด (The Best Budget Pick): SoundPEATS Air4 Pro

  • เหตุผล: ในงบประมาณไม่ถึง 3,000 บาท การได้หูฟังที่รองรับ aptX Lossless และมีระบบ ANC ที่ใช้งานได้จริงถือเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง SoundPEATS Air4 Pro ได้ทำลายกำแพงของหูฟังราคาประหยัดไปอย่างสิ้นเชิง

วิธีเลือกคู่หู TWS ที่ใช่ และอนาคตของเสียงไร้สาย

การเลือกหูฟัง TWS ที่ดีที่สุดในปี 2025 ขึ้นอยู่กับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล การจัดอันดับและบทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ

ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ

  • ระบบนิเวศของอุปกรณ์ (Ecosystem): ผู้ใช้ iPhone, iPad, และ Mac เป็นหลักจะได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่นที่สุดจาก AirPods Pro 2 ในทำนองเดียวกัน ผู้ใช้ Samsung จะสามารถปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของ Galaxy Buds3 Pro ได้
  • สถานการณ์การใช้งานหลัก: สำหรับการเดินทางที่ต้องการความเงียบสูงสุด Bose คือตัวเลือกที่โดดเด่น สำหรับการประชุมออนไลน์ Jabra หรือ Samsung ให้คุณภาพเสียงสนทนาที่ดีที่สุด และสำหรับนักกีฬา ความกระชับและมาตรฐานกันน้ำคือปัจจัยสำคัญ
  • ลำดับความสำคัญของคุณสมบัติ: การพิจารณาว่าจะลงทุนเพิ่มเพื่อคุณภาพเสียงระดับ Audiophile ของ Sennheiser, แบตเตอรี่ที่ยาวนานที่สุดของ Technics, หรือความคุ้มค่าสูงสุดของ Earfun จะช่วยในการเลือกรุ่นที่เหมาะสม
  • งบประมาณ: การกำหนดงบประมาณที่ชัดเจนจะช่วยจำกัดตัวเลือกให้อยู่ในกลุ่มที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเรือธง (Flagship), กลุ่มคุ้มค่า (Value), หรือกลุ่มประหยัด (Budget)

อนาคตของ TWS: มองไปข้างหน้าในปี 2026

ตลาดหูฟัง TWS ยังคงพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง เทรนด์ที่น่าจับตามองในอนาคตอันใกล้คือการมาถึงของ LE Audio และ Auracast อย่างเต็มรูปแบบ

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเข้ามามีบทบาทที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่การช่วยตัดเสียงรบกวน แต่จะรวมถึงการปรับแต่งเสียงส่วนบุคคลแบบเรียลไทม์ การแปลภาษาที่แม่นยำขึ้น และการเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่เข้าใจบริบทของผู้ใช้มากขึ้น การแข่งขันในตลาดกลุ่มคุ้มค่าจะยิ่งทวีความรุนแรง ซึ่งจะกดดันให้แบรนด์เรือธงต้องสร้างนวัตกรรมที่แตกต่างและมีคุณค่าอย่างแท้จริงเพื่อรักษาสถานะผู้นำต่อไป และผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการแข่งขันนี้ก็คือผู้บริโภค

วันที่ : 22 กรกฎาคม 2568

12
อ่าน

แบ่งปันบทความ

ข่าวล่าสุด

ไฮไลท์ข่าว

หมวดข่าว

None AMP version