www.siamphone.com
สมาร์ทโฟน (Smartphone) | วันที่ : 29 ธันวาคม 2560
รีวิวโทรศัพท์มือถือ Apple iPhone X - แอปเปิ้ล
สำหรับสมาร์ทโฟนตัวแรงแห่งปีอย่าง iPhone X จากค่าย Apple ก็ได้วางจำหน่ายทางการแล้วในประเทศไทยกับราคาเริ่มต้นที่ 40,500 บาท (เครื่องเปล่า) โดยรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 10 ปี ตั้งแต่มี iPhone รุ่นแรกออกมาวางขาย และในความเป็นรุ่นพิเศษทำให้การออกแบบจะมีความแตกต่างไปจากรุ่นที่ผ่านมาแทบทั้งหมด อาทิ หน้าจอแบบ Super Retina HD ขนาด 5.8 นิ้ว ซึ่งเป็นจอภาพแบบ Full View รุ่นแรกจาก Apple และอีกจุดเด่นหนึ่งที่ฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆ นั่นก็คือการนำปุ่ม Home ออก ทำให้เทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือหรือ Touch ID ต้องถูกนำออกไปด้วย แต่ก็มี Face ID เทคโนโลยีสแกนใบหน้า ที่มาเป็นระบบรักษาความปลอดภัยแบบใหม่ให้กับเครื่องแทน
ตัวเครื่องของ iPhone X มีการออกแบบเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม ขอบเป็นแบบเงาโค้งมนทุกด้าน โดยมีขนาด 143.6 x 70.9 x 7.7 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 174 กรัม
ด้านหน้าจะมาพร้อมจอแสดงผลแบบ Super Retina HD ขนาด 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2436 x 1125 พิกเซล อัตราส่วน 19.5:9 ทำให้ไม่มีปุ่ม Home ทางด้านล่าง และมีกระจกแก้วอย่างดีทับอยู่
ส่วนบนของหน้าจอจะมีกล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล และมีช่องลำโพงไว้สำหรับการสนทนาอยู่ตรงกลาง และตรงจุดนี้มีเซ็นเซอร์อยู่ข้างในรวมกันถึง 7 ตัว เรียกว่ากล้อง TrueDepth ไว้สำหรับช่วยในเรื่องสแกนใบหน้าหรือ Face ID นั้นเอง
ด้านซ้ายมีปุ่มลดและเพิ่มเสียง และขยับมาข้างบนจะเป็นสวิตซ์ไว้สำหรับปรับเปลี่ยนโหมดเสียง หรือจะได้ตั้งค่าเป็นการใช้งานอื่นก็ได้ในเมนูตั้งค่า
ฝั่งขวาเป็นปุ่มเพาเวอร์ไว้สำหรับพักหน้าจอ หรือกดค้างเพื่อเรียกใช้งาน Siri ถัดลงมาข้างล่างเป็นช่องสำหรับถาดใส่ซิม โดยจะรองรับซิมแบบ Nano SIM เพียงซิมเดียวเท่านั้น
ตรงส่วนบนของเครื่องไม่มีพอร์ตหรือการใช้งานใดๆ ทั้งสิ้น
ด้านล่างจะมีลำโพงคู่อยู่ทั้ง 2 ฝั่ง และมีพอร์ต USB Lightning อยู่ตรงกลางไว้สำหรับชาร์จแบตเตอรี่หรือถ่ายโอนข้อมูล
มาในส่วนด้านหลัง มีกล้องคู่ความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล ไฟแฟลช True Tone แบบ LED สี่ดวง และรูตัดสัญญาณรบกวน โดยทั้งหมดจะอยู่รวมกันด้านบนซ้ายสุด ถัดลงมาตรงกลางจะเป็นโลโก้ Apple และล่างสุดมีคำเขียนไว้ว่า iPhone ทั้งนี้ส่วนด้านหลังก็ถูกครอบทับด้วยกระจกแก้วเหมือนด้านหน้าเช่นกัน
อุปกรณ์ภายในกล่อง
สเปคทั้งหมดของ iPhone X
ข้อมูลตัวเครื่อง / ระบบปฏิบัติการ
ปกติ iPhone X จะมีให้เลือกความจุอยู่ 2 ขนาด ได้แก่ 64GB และ 256GB ส่วนเครื่องที่นำมารีวิวจะมีขนาด 256GB พร้อมกับอัปเดตระบบปฏิบัติการเป็น iOS 11.2
หน้าจอ Lock Screen
สำหรับ iPhone X จะมีการเปลี่ยนแปลงการใช้งานหน้า Lock Screen ไปจากรุ่นก่อนๆ โดยต้องปัดหน้าจอขึ้นเพื่อเข้าสู่หน้าจอหลัก และการใช้งานกล้องแบบเร่งด่วน ให้กดตรงไอคอนกล้องทางล่างขวาค้างไว้แล้วปล่อยหรือปัดหน้าจอไปทางซ้าย รวมถึงการใช้งานแฟลช ให้กดปุ่มทางด้านล่างซ้าย ส่วนการปลดล็อกเพื่อเข้าการใช้งานจะมีให้เลือก 2 แบบ ซึ่งจะมีการใช้รหัสตัวเลขและการสแกนใบหน้าหรือ Face ID
หน้าจอหลัก
Control Center / การแจ้งเตือน
การเริ่มใช้งาน Control Center ของ iPhone X จะเปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งต้องเลื่อนจากหน้าจอบนขวาลงมา เพื่อนำแผง Control Center ออกมาใช้งาน แต่หน้าตาก็ยังเหมือนกับ iPhone ที่ได้รับการอัปเดตเป็น iOS 11 และสามารถไปปรับแต่งได้ใน การตั้งค่า > ศูนย์ควบคุม > กำหนดแถบควบคุมเอง ส่วนการแจ้งเตือน สามารถดูได้ด้วยวิธีการสไลด์หน้าจอจากด้านบนซ้ายลงมา หรือดูได้จากหน้าจอ Lock Screen ด้วยวิธีเลื่อนขึ้นจากตรงกลางหน้าจอ
Multitasking
จากปกติหากต้องการจะเริ่มใช้งาน Multitasking จะต้องกดปุ่มโฮม 2 ครั้ง แต่สำหรับ iPhone X เพียงเลื่อนหน้าจอจากข้างล่าง และค้างไว้ตรงกลาง หน้าต่าง Multitasking ก็จะปรากฏขึ้นมา และหากต้องการจะหยุดการใช้งานโปรแกรมในนั้น ก็ให้กดค้างแล้วจะมีปุ่มสัญลักษณ์ให้ลบออกบนซ้าย หรือจะเลื่อนขึ้นก็ได้เมื่อมีสัญลักษณ์นี้ปรากฏขึ้น
ออแกไนเซอร์พื้นฐาน
ธีม / พื้นหลัง
หน้าโทรศัพท์/ข้อความ/คีย์บอร์ด
ผลการทดสอบประสิทธิภาพการใช้งาน
ดีไซน์ตัวเครื่อง
สำหรับ iPhone X จะมีการออกแบบตัวเครื่องที่เปลี่ยนไปจากเดิมเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผล, กล้องหลังที่มาแบบแนวตั้ง, ปุ่มโฮมที่นำถูกนำออกไป รวมถึงใช้วัสดุสแตนเลสสตีลเกรดเดียวกับที่ใช้ทำเครื่องมือศัลยกรรมใช้ในการผลิตตัวเครื่อง
หน้าจอแสงผลแบบ OLED
"สวัสดีโลกอนาคต" เป็นแคมเปญที่ทาง Apple ออกมาใช้โปรโมท iPhone X ซึ่งแน่นอนว่ารูปร่างหน้าตาทั้งหมด มีการเปลี่ยนไปจาก iPhone รุ่นก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง โดยหน้าจอแสดงผลจะมาเป็นแบบ Full View อัตราส่วน 19.5:9 และใช้ชนิดหน้าจอแบบ OLED ซึ่งเป็น iPhone รุ่นแรกที่เปลี่ยนมาใช้ โดยทาง Apple เรียกว่า Super Retina HD ทั้งนี้จะมีขนาด 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2436 x 1125 พิกเซล ทำให้ปุ่มโฮมที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวต้องถูกนำออกไปด้วย ซึ่งหน้าจอจะมีการแสดงผลจะให้สีสันสวยงาม, แม่นยำ และมีอัตราส่วนคอนทราสต์ที่ 1,000,000 ต่อ เลยทีเดียว
หน่วยประมวลผล A11 Bionic
ถือว่าหน่วยประมวลผล A11 Bionic เป็นชิพขุมพลังที่แรงที่สุดของ Apple ก็ว่าได้ โดยเป็น CPU แบบ 6 คอร์ ซึ่งแบ่งเป็นคอร์ประหยัดพลังงาน 4 คอที่ทำงานได้ดีกว่า 70% และอีก 2 คอร์เป็นตัวเพิ่มความเร็วในการทำงานเพิ่มขึ้นอีก 25% จากชิพตัวเก่า ทำให้การใช้งานต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพขึ้นมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ กล้อง, กราฟฟิก, การประมวลผลเร็ว และรองรับการใช้งาน 3D และ AR ใหม่ๆ
กันน้ำกันฝุ่น
สำหรับ iPhone X จะได้รับมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นด้วย IP67 ซึ่งสามารถกันฝุ่นได้แบบดีที่สุด ส่วนเรื่องกันน้ำสามารถกันได้ลึก 1 เมตร นาน 30 นาที แต่ยังไม่ถึงขั้นนำไปใช้งานใต้น้ำได้เต็มรูปแบบ
ใช้งานในยามไร้ปุ่มโฮม
จากเดิม iPhone รุ่นก่อนๆ จะมีปุ่มโฮมเป็นหัวใจหลักในการใช้งาน แต่สำหรับ iPhone X ที่ไม่มีปุ่มโฮม ทำให้การใช้งานต่างๆ เปลี่ยนไปทั้งหมด สามารถดูหารใช้งานได้จากคลิปด้านล่างนี้
การแคปหน้าจอ หรือ ScreenShot ที่เปลี่ยนไป
เมื่อไม่มีปุ่มโฮมการแคปหน้าจอก็จะเปลี่ยนไปด้วย โดยต้องกดปุ่มเพาเวอร์และตามด้วยปุ่มเพิ่มเสียง หรือกดปุ่มเพิ่มเสียงก่อนแล้วตามด้วยปุ่มเพาร์ เพียงเท่านี้ก็จะเป็นการใช้งานแคปหน้าจอแล้ว
Face ID
แน่นอนว่า iPhone X มีการนำปุ่มโฮมออกไปจากตัวเครื่อง ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยอย่าง Touch ID ต้องถูกนำออกไปด้วย แต่ทาง Apple ก็มีการนำระบบรักษาความปลอดภัยแบบใหม่ที่ดีกว่า ด้วยการสแกนใบหน้าหรือเรียกว่า Face ID ซึ่งมีการตรวจจับใบหน้าที่เสถียร พร้อมด้วยเซ็นเซอร์สร้างโครงหน้า 3 มิติรวมกันถึง 8 ตัวหรือเรียกว่ากล้อง TrueDepth และยังมีความปลอดภัยระดับ 1 ใน 1,000,000
Animoji
ด้วยความพิเศษของกล้อง TrueDepth ทำให้สามารถสร้าง Emoji แบบเคลื่อนไหวได้ตามต้องการ พร้อมเสียงตามที่เรากำหนดได้ซึ่งเรียกว่า Animoji และสามารถใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่น Messenger หรือข้อความ โดยจะมีตัว Emoji ให้เลือกถึง 12 แบบ แถมยังบันทึกความยาวได้ถึง 10 วินาที
สามารถใช้งาน AR ได้
iPhone X มีการรองรับการใช้งาน AR หรือเทคโนโลยีเสมือนจริงเป็นที่เรียบร้อย และจะสามารถใช้ร่วมกับ ARKit หรืออุปกรณ์เชื่อมต่อเกี่ยวกับ AR ได้ด้วย ซึ่งตอนนี้มีแอพพลิเคชั่นที่รองรับการใช้งาน AR แล้ว และคาดว่าจะมีเพิ่มอีกในอนาคต สามารถไปดาวน์โหลดมาทดลองใช้ได้ใน App Store
Wireless Charging
ใน iPhone X ได้มีการรองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย หรือ Wireless Charging ซึ่งสามารถใช้กับเครื่องชาร์จที่ได้รับมาตรฐาน Qi เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน ส่วนในช่วงต้นปีหน้าทาง Apple จะมีการวางขายเครื่องชาร์จของค่ายเองอีกด้วย
ทดสอบการเล่นเกม
ในการทดสอบจะใช้เกม ROV เป็นตัวทดสอบ และจะปรับความละเอียดกราฟฟิกต่างๆ แบบสูงสุด ซึ่งผลที่ออกมาก็แสดงให้เห็นว่า iPhone X สามารถเล่นได้อย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด ภาพ เสียง การทำงานต่างๆ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน แถมยังโหลดเข้าเกมได้อย่างรวดเร็ว
เคสซิลิโคนจาก Apple
เคสซิลิโคนจากศูนย์ Apple ถูกออกแบบให้มีสวยงาม ส่วมใส่แล้วปกป้องตัวเครื่องได้ เพิ่มความสมบูรณ์ให้กับตัวเครื่อง iPhone X โดยที่เคสจะทำมาจากซิลิโคนแนบกระชับในทุกสัดส่วนรอบตัวเครื่อง แต่ปุ่มต่างๆ ยังสามารถใช้งานได้อย่างสบาย แถมยังให้ความรู้สึกนุ่มนวลเมื่อสัมผัสอีกด้วย ส่วนด้านในจะบุด้วยไมโครไฟเบอร์อ่อนนุ่ม ช่วยปกของตัวเครื่องในอย่างดี
ประสิทธิภาพการใช้งานกล้อง
ด้านกล้องหลังของ iPhone X จะมีความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล โดยกล้องมุมกว้างจะมีรูรับแสง f/1.8 ส่วนกล้องเทเลโฟโต้จะมีรูรับแสง f/2.4 และทั้ง 2 กล่องมีระบบกันสั่นไหวด้วย OIS ทั้งนี้เมื่อมาทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผล A11 Bionic ทำให้ผลลัพธ์ของรูปที่ออกมามีความสวยงามมากยิ่งขี้น ไม่ว่าจะเป็นโหมดหน้าชัดหลังเบลอ, ถ่ายในที่แสงน้อย และสีสันที่สมจริง ด้านการถ่ายภาพเคลื่อนไหว ก็สามารถอัดวิดีโอได้ในระดับ 4K แบบ 60fps อีกด้วย ทั้งหมดจะมีฟีเจอร์น่าสนใจตามด้านล่าง
โหมดภาพถ่ายบุคคล หรือ Portrait
ในส่วนโหมดภาพถ่ายบุคคล ถือว่าเป็นจุดขายของ iPhone X ก็ว่าได้ ซึ่งมีให้ใช้งานทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง โดยนอกจากจะถ่ายหน้าชัดหลังเบลอแบบธรรมดาได้แล้ว ยังมีตัวเลือกปรับแต่งในรูปแบบอื่นๆ อีกด้วยทั้งแบบ แสงไฟสตูดิโอ, แสงไฟคอนทัวร์, แสงไฟเวที และ แสงไฟเวทีขาวดำ
ปรับภาพถ่ายบุคคลในภายหลัง
หากเกิดไปค่อยถูกใจกับรูปหน้าชัดหลังเบลอที่ได้ถ่ายเอาไว้ ก็สามารถมาเข้าไปปรับรูปนั้นในภายหลังได้ โดยเข้าไปที่ รูปภาพ เลือกรูปที่ต้องการจะแก้ไข จากนั้นกดแก้ไขตรงข้างบนขวาสุด
Live Photo
จากคุณสมบัติของระปฏิบัติการ iOS 11 ทำให้ลูกเล่นของโหมด Live Photo มีความหลากหลายมากขึ้น โดยสามารถเข้าไปแต่งเอฟเฟ็กต์ได้ในคลังรูปภาพด้วยการเลื่อนภาพที่ถ่ายจาก Live Photo ขึ้น ซึ่งจะมีให้เลือกถึง 4 แบบทั้ง Live, เล่นวน, เด้ง และ เปิดรับแสงนาน
ฟิลเตอร์แบบใหม่
ลืมฟิลเตอร์แบบเก่าๆ ไปได้เลย เพราะในโหมดฟิลเตอร์โฉมใหม่จะมีมาให้เลือกถึง 10 แบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบ แจ่มใส่, แจ่มใสโทนอุ่น, แจ่มใสโทนเย็น, ดราม่า, ดราม่าโทนอุ่น, ดราม่าโทนเย็น, ขาวและดำ, โทนสีเงิน, ฟิล์มนัวร์ เพิ่มลูกเล่นให้กับภาพถ่าย
ถ่ายรูปนิ่งขณะบันทึกวิดีโอ
นี้ก็เป็นอีกฟีเจอร์ที่มีมาใน iOS 11 ซึ่งเวลาที่เรากำลังบันทึกวิดีโอ จะมีปุ่มถ่ายรูปอยู่ทางซ้ายล่าง เพื่อให้กดจับภาพในช่วงเฟรมนั้นไว้ได้
คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง
คุณสมบัติการถ่ายภาพวีดีโอ
ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ : iPhone Xhttps://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=455394
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : //www.siamphone.com/spec/apple/iphone_x.htm
วันที่ : 29 ธันวาคม 2560
Samsung Galaxy S25 Series สรุปข่าวลือล่าสุดก่อนเปิดตัวต้นปี 202514 ชั่วโมงที่แล้ว
OPPO Find X8 Series สมาร์ทโฟนแฟลกชิปพลัง AI ซูมไกล 120 เท่า ด้วย AI Telescope Zoom15 ชั่วโมงที่แล้ว
Redmi ฉลอง 11 ปี ปล่อยโลโก้ใหม่! พร้อมเปิดตัว Redmi K80 เรือธงสเปคจัดเต็ม19 ชั่วโมงที่แล้ว
รีวิว OPPO Find X8 Series ทีเด็ดซูมพลัง AI ไกลยังไงก็สวย ถ่ายคมชัดด้วย Hasselblad Portrait Mode22 พ.ย. 67 21:45
ZTE Blade V70 สมาร์ทโฟนระดับกลาง สเปคจัดเต็ม ดีไซน์บางเบา22 พ.ย. 67 15:00
รีวิว iPhone 16 Plus คุ้มค่าที่จะอัปเกรดไหม? แล้วแตกต่างจาก iPhone 16 อย่างไร
รีวิว iPhone 16 Pro แตกต่างจาก iPhone 16 Plus อย่างไร ต้องเพิ่มเงิน 5,000 บาท คุ้มไหม?
iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro หน้าจอใหญ่ขึ้น ประมวลผลแรงสุด กล้องจัดจ้าน ราคาก็ถูกลงอีก!
แรงเกินต้าน! Snapdragon 8 Elite ใน Xiaomi 15 ทำคะแนน Multi-core ทะลุหมื่นแซงหน้า iPhone 16 Pro
รีวิว iPhone 16 ยกระดับความแรงชิป A18 ได้ใช้ Camera Control เหมือนกัน
Ash Echoes เกมมือถือภาพสวยตระการตา สวมบทบาทพิชิตศัตรู กอบกู้ดินแดน เปิดให้เล่นแล้ว!
OPPO Pad 3 Pro แท็บเล็ตเรือธงรุ่นใหม่ หน้าจอ 144Hz ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 3
ทำความรู้จัก vivo Y19s หน้าจอ 90Hz กันน้ำ IP64 ลำโพงสเตอริโอ ราคาเริ่มต้น 4,399 บาท
vivo Y18t รุ่นเริ่มต้นอีกหนึ่งใน vivo Y18 Series ได้กล้องหลัง 50MP หน้าจอรีเฟรช 90Hz
Samsung Galaxy A16 จอ FHD+ Super AMOLED ใหญ่ชัดเสมือนจริง กล้อง Triple camera แบตยาวนานขึ้น