www.siamphone.com

ข่าว

รีวิว Apple Watch Series 7 ปรุงแต่งจอกว้างแบบเบียดขอบ ทนทานด้วยวัสดุคริสตัล พร้อมกันฝุ่น IP6X

หูฟัง Earbuds (Earbuds)   |   วันที่ : 3 ธันวาคม 2564

Apple Watch Series 7 มารอบนี้ยังไม่ค่อยมีฟีเจอร์อะไรแปลกใหม่ ยังคงมีฟีเจอร์การออกกำลังกาย และการติดตามสุขภาพมาให้ครบๆ แต่จะเน้นไปที่เรื่องดีไซน์ และความแข็งแกร่งของหน้าจอ โดยหน้าจอ LTPO OLED Retina มีความกว้างเบียดขอบมากขึ้น พร้อมกับส่วนด้านหน้าที่เป็นแบบคริสตัลอย่างหนา เสริมความแข็งแกร่งให้กับหน้าจอ นอกจากนี้ยังได้มาตรฐานกันฝุ่น IP6X และกันน้ำระดับ WR50 ส่วนชิปเซ็ตมาพร้อมชิปตัวใหม่ SiP รุ่นที่ S7 เพิ่มความลื่นในการใช้งาน และรองรับการชาร์จเร็ว ซึ่งชาร์จได้เร็วขึ้นถึง 33% สำหรับ Apple Watch Series 7 มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 13,900 บาท

รูปลักษณ์ภายนอกLook & Design

Apple Watch Series 7 จะมีตัวเรือนที่ใหญ่ขึ้น 1 มิลลิเมตรจาก Apple Watch Series 6 โดยมีให้เลือก 2 ขนาดคือ 41 มิลลิเมตร และ 45 มิลลิเมตร ในขณะที่วัสดุตัวเรือนยังมีให้เลือก 3 แบบเช่นเดิมคือ อะลูมิเนียม, สแตนเลสสตีล และไทเทเนียม ซึ่งรุ่นที่ได้มารีวิวเป็น อะลูมิเนียม ขนาด 41 มิลลิเมตร

หน้าจอแสดงผลคือความโดดเด่นของ Apple Watch Series 7 โดยมีความเบียดขอบมากขึ้น ใช้พาแนล LTPO OLED Retina ปรับความสว่างได้สูงสุด 1,000nits และกระจก Ion-X

ข้างซ้ายตัวเรือน เป็นลำโพงเสียงในตัว สามารถรับฟังการแจ้งเตือนจากระบบ และใช้คุยสายโทรศัพท์ได้ด้วย

ข้างขวาตัวเรือน มีเม็ดมะยมเลื่อนหมุนได้ (Digital Crown) ถัดลงมาเป็นรูไมโครโฟน และปุ่มเพาเวอร์ หรือไว้ดูแอพฯ ก่อนหน้า

ด้านหลังตัวเรือน จะเป็นแผงรวมเซนเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด, เซนเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า และเซนเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัลรุ่นที่ 3 ทั้งนี้ยังเป็นที่ชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย

สายรัดข้อมือยังคงคอนเซ็ปถอดเปลี่ยนได้ง่าย แต่รัดแน่น ซึ่งจริงๆ แล้วมีให้เลือกมากถึง 7 แบบไม่ว่าจะเป็น Solo Loop, Braided Solo Loop, Sport Band, Sport Loop, ไนลอน, หนัง, และสแตนเลสสตีล ส่วนสายรีวิวที่ได้มาเป็นแบบ Sport Band

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • ตัวเรือน Apple Watch Series 7
  • สายรัดข้อมือซิลิโคน
  • แท่นชาร์จไร้สาย USB Type-C
  • คู่มือการใช้งาน และใบรับประกัน

เมนู & ฟังก์ชันMenu & Function

สเปคของ Apple Watch Series 7

  • ขนาดตัวเรือน : 45 มิลลิเมตร และ 41 มิลลิเมตร
  • ตัวเรือน : อะลูมิเนียม, สแตนเลสสตีล และไทเทเนียม
  • หน้าจอ : LTPO OLED Retina Display
  • ชิปเซ็ต : SiP รุ่น S7
  • ที่เก็บข้อมูลภายใน : 32GB
  • กันฝุ่น IP6X
  • กันน้ำลึก : 50 เมตร
  • โทรฉุกเฉินทั่วโลก
  • GPS/GNSS เข็มทิศ และมาตรวัดความสูงแบบทำงานตลอด
  • มีลำโพง + ไมโครโฟน ในตัว
  • ชาร์จแบตเตอรี่เร็วขึ้น 33%

เริ่มใช้งาน และการเชื่อมต่อการเริ่มต้นใช้งานครั้งแรก จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับเครื่อง iPhone 6s ขึ้นไป ที่มีระบบปฏิบัติการ iOS 15 ขึ้นไป โดยการเชื่อมต่อให้ไปที่แอพฯ Watch และเริ่มตั้งค่า Apple Watch ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบ ตั้งค่าสำหรับตัวเอง หรือครอบครัว จากนั้นระบบจะเปิดกล้องให้สแกนหน้าปัด Apple Watch Series 7 ก็เป็นการจับคู่ทั้ง 2 อุปกรณ์

จุดเด่นน่าสนใจSpecial & Features

หน้าจอกว้างเบียดขอบ ใช้งานได้สะดวกความโดดเด่นของ Apple Watch Series 7 จะอยู่ที่หน้าจอกว้าง และเป็นการกว้างชนิดที่ว่าเบียดขอบ ซึ่งช่วยในการใช้งานผ่านหน้าปัดได้สะดวกมากขึ้น และหลายๆ แอพฯ ก็สามารถใช้ประโยชน์ในจุดนี้ เพื่อแสดงรายละเอียดภายในแอพฯ ได้มากขึ้น

เคลือบด้านหน้าด้วยคริสตัลที่หนาขึ้น ทนทานมากกว่าเดิมนอกจากหน้าจอกว้างเบียดขอบไปแล้ว ในส่วนด้านหน้ายังมีการเคลือบคริสตัลที่หนาขึ้น 50% (เทียบกับ Apple Watch Series 6) พร้อมรูปทรงที่แข็งแกร่งมั่นคง แต่ยังคงความโค้งได้อย่างสวยงาม ทั้งหมดเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่ง และความทนทาน ในส่วนหน้าจอได้อย่างดี

มีมาตรฐานกันฝุ่น IP6X รุ่นแรกของ Apple Watchมาตรฐานกันฝุ่น IP6X เป็นอีกสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาบน Apple Watch Series 7 ซึ่งตรงนี้จะช่วยให้ตัวเครื่องมีการปกป้องฝุ่นได้ระดับสมบูรณ์ ป้องกันฝุ่นละอองได้อย่างดี แบบนี้ก็สามารถนำ Apple Watch Series 7 ไปใช้งานแบบลุยๆ ได้หายห่วง

หน้าปัดนาฬิกา ปรับแต่งในแบบที่เป็นเราหน้าปัดนาฬิกา ยังคงมีให้เลือกปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย และแต่ละหน้าปัดยังสามารถเลือกปรับแต่งในแบบที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะแสดงการเต้นของหัวใจ ดูสภาพอากาศ ดูกระแสคลื่น ดูกระแสลม เป็นต้น นอกจากนี้บางหน้าปัดยังสามารถเลือกแอพฯ ที่ใช้งานบ่อยมาไว้บนหน้าจอได้อีกด้วย

 

มุมมองแอปตามปกติมุมมองแอป หรือที่รวมแอพฯ (เปิดใช้งานด้วยการกดปุ่ม Digital Crown) จะมีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ WatchOS ซึ่งแอพฯ จะเป็นรูปแบบวงกลม และเรียงกันเหมือนฟอง แต่หากไม่ชอบรูปร่างหน้าตาแบบนี้ เพราะดูใช้งานได้ยาก ก็สามารถเลือกเปลี่ยนเป็นเมนูง่ายๆ ได้ โดยเข้าไปที่ แอพฯ Watch > มุมมองแอป

App Store มีให้ดาวน์โหลดเพิ่มกว่าพันแอปApple Watch Series 7 สามารถดาวน์โหลดแอพฯ เพิ่มเติมผ่านทาง App Store ได้ ซึ่งภายใน App Store ก็มีแอปให้เลือกใช้งานกว่าพันแอป และแต่ละแอปก็มาช่วยเติมเป็นการใช้งานให้กับ Apple Watch Series 7 มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การดูข่าวสาร, แปลภาษา, การออกกำลังกาย หรือด้านสุขภาพ ซึ่งมีทั้งฟรี และเสียตังเพิ่ม

โหมดออกกำลังกายในโหมดออกกำลังต้องบอกว่ามีให้เลือกเยอะมากๆ เรียกว่าน่าจะตอบโจทย์การใช้งานออกกำลังกายเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะบนบก ในน้ำ กลางแจ้ง ในร่ม หรือแม้แต่ที่สูงอย่างปีนเขา ก็มีโหมดออกกำลังกายให้เลือก แต่สำหรับแอดมินได้ทำลองใช้โหมดวิ่งกลางแจ้ง โดยในโหมดก็มีการบอกสถานะต่างๆ เช่น ระยะเวลาที่วิ่ง, ระยะทาง, ค่าเฉลี่ย และอัตราการเต้นของหัวใจ

 

Activity หรือภาพรวมกิจกรรมApple Watch Series 7 ยังมีแอป Activity หรือภาพรวมกิจกรรม ที่เป็นตัวสรุปภาพรวมการออกกำลังกาย หรือการขยับร่างกายของผู้ใช้งานในแต่ละวัน ซึ่งถูกแบ่งเป็น 3 สีคือ การเคลื่อนไหว = สีแดง, การออกกำลังกาย = สีเขียว, การยืน = สีฟ้า นอกจากนี้ยังมีการบอกจำนวนแคลที่เผาผลาญไป จำนวนก้าวที่เดิม แลพระยะทางทั้งหมด โดยทั้งหมดจะไปคำนวนกับเป้าหมายกิโลแคลอรี่ ในแต่ละวันว่าผ่านเกณฑ์ หรือไม่ (สามารถปรับเป้าหมายกิโลแคลอรี่ได้เอง)

ฟังก์ชั่นติดตามสุขภาพโหมดติดตามสุขภาพก็ยังไม่มีอะไรแปลกใหม่บน Apple Watch Series 7 ซึ่งฟังก์ชั่นการใช้งานยังมาครบๆ เหมือน Apple Watch Series 6 แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือการใช้งานวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือ ECG โดยสามารถใช้งานได้แล้วในประเทศไทย

  • ตรวจจับการเต้นของหัวใจการตรวจจับการเต้นของหัวใจ ยังเป็นการวัดแบบตลอดเวลา 24 ชั่วโมง (หากสวมใส่) และการวัดจะมีความแม่นยำสูงเพราะเซนเซอร์วัดหัวใจเป็นแบบออฟติคัลรุ่นที่ 3 โดยระบบจะมีการคำนวนค่าเฉลี่ยต่ำสุด และสูงสุดในแต่ละวัน นอกจากนี้ยังค่าเฉลี่ยการเต้นของหัวใจในกิจกรรมต่างๆ อย่างเช่น การเดินเฉลี่ย, ออกกำลังกาย, ขณะนอน, ขณะพัก เป็นต้น ทั้งหมดจะมีการเก็บข้อมูลไปยังแอปสุขภาพ
  • SpO2 ตรวจหาออกซิเจนในเลือดการวัดค่าออกซิเจนในเลือด หรือ SpO2 ยังคงใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งใช้งานในแอป SpO2 และเริ่มการวัดได้ตามต้องการ โดยระบบจะบอกเป็น % และเก็บข้อมูลเอาไว้ในแอปสุขภาพ
  • ECGECG หรือการวัดความผิดปกติของหัวใจจากคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เป็นหนึ่งในไฮไลท์เด็ดของ Apple Watch ที่จริงมีฟังก์ชั่น ECG มีให้ใช้งานมาตั้งแต่ Apple Watch Series 4 แต่ในประเทศไทยพึ่งรองรับให้ใช้งานได้ในช่วงต้นปี 2021 นี้เอง ซึ่ง Apple Watch Series 7 ก็สามารถใช้งาน ECG ได้ทันที โดยผลการวัดที่ออกมาจะมี 4 แบบคือ

- Sinus ผลตรวจปกติ คลื่นหัวใจมีรูปร่างเดียวกัน- AFib การเต้นของหัวใจมีรูปแบบไม่สม่ำเสมอ หรือมีการเต้นผิดปกติ- อัตราหัวใจเต้นช้า หรือเร็ว เป็นรูปแบบการเต้นที่หาสรุปไม่ได้ มีความเร็วหรือช้าเกินไป- หาผลสรุปไม่ได้

อย่างไรก็ตามการตรวจวัดจาก ECG ไม่สามารถตรวจจับหัวใจวาย ไม่สามารถตรวจจับการเกิดเส้นเลือดในสมอง และยังไม่สามารถระบุอาการต่างๆ เป็นทางการแพทย์ได้ ซึ่งทาง Apple ก็แนะนำว่าหากมีความรู้สึกว่าไม่สบาย ก็ควรไปขอคำปรึกษาแพทย์

ติดตามการนอนหลับระบบติดตามการนอนหลับ ยังคงให้รายละเอียดที่น้อย มีเพียงเก็บสถิติระยะเวลาการนอนกลับในแต่ละวัน พร้อมกับอัตราการเต้นของหัวใจขณะหลับ และอัตราการหายในขณะหลับ ซึ่งข้อมุลทั้งหมดจะเก็บ และแสดงในแอปสุขภาพ

ตรวจจับเสียงรบกวนการตรวจจับเสียงรบกวน จะทำงานแบบอัตโนมัติ หากผู้ใช้งานไปอยู่ในที่ที่มีเสียงดังมากๆ เป็นเวลานานๆ ระบบจะมีการแจ้งเตือนขึ้นมา หากมีความดังระดับ 80 เดซิเบลขึ้นไปถือว่าอันตราย

ทำสมาธิแอปทำสมาธิ จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้ผ่อนคลายจากความเครียด โดยมีให้เลือก 2 แบบด้วยกันคือ สะท้อนความคิด และกำหนดลมหายใจ ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่ม หรือลดระยะเวลาของทั้ง 2 โหมดได้

ระบบตรวจจับการล้มApple Watch Series 7 ยังคงมาพร้อมระบบตรวจจับการล้ม หากมีการล้มเกิดขึ้นระบบจะทำการส่งข้อความให้กับผู้ติดต่อที่ตั้งค่าไว้ในแอป สุขภาพ นอกจากนี้ระบบตรวจจับการล้มยังสามารถยังสามารถทำงานได้ในระหว่างออกกำลังกาย

รับสายวางสาย พร้อมรับการแจ้งเตือนการรับสายคุยสาย หรือรับการแจ้งเตือนผ่าน Apple Watch Series 7 ยังคงทำได้เช่นเดิม เพราะมีการติดตั้งไมโครโฟน และลำโพงเสียงในตัว ทำให้ไม่ต้องหยิบเครื่อง iPhone ขึ้นมา หากเป็นรุ่น Wi-Fi + Cellular ก็ยิ่งสะดวกเลย

ใช้งานมัลติมิเดียการเล่นเพลง และควบคุมเพลงบน Apple Watch Series 7 ก็เป็นอีกสิ่งที่ทำได้เช่นเดิม ด้วยการใช้เล่นเพลงจาก Apple Music ซึ่งเหมาะกับการใช้ฟังเพลงระหว่างออกกำลังกาย หรือควบคุมเพลงใน iPhone ก็ได้เช่นกัน

ความอึดแบตเตอรี่ และชาร์จแบตเตอรี่เร็วขึ้น 33%ว่ากันตามตรงจากที่ทดสอบใช้งาน ชาร์จแบตเตอรี่ 100% ก่อนนอน จนถึงประมาณ 2 ทุ่มของอีกวัน มีการเปิดใช้งานตรวจจับการเต้นของหัวใจตลอดเวลา เปิดใช้งานโหมดนอนหลับ และมีการใช้โหมดออกกำลังกายประมาณ 2 ชั่วโมง (ไม่ได้เชื่อมต่อกับ iPhone) แบตเตอรี่ลดลงมาเหลือ 25% ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน 1 วันตามสูตรของ Apple

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ Apple Watch Series 7 จะรองรับการชาร์จเร็วมากขึ้น 33% ทำให้ถอดชาร์จหลังจากกลับมาบ้าน และสวมใส่ตอนเข้านอนได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน

วันที่ : 3 ธันวาคม 2564

18,344
อ่าน

แบ่งปันบทความ

ข่าวล่าสุด

ไฮไลท์ข่าว

หมวดข่าว

None AMP version