รีวิวโทรศัพท์มือถือ Samsung Galaxy Note 10+ - ซัมซุง

Samsung Galaxy Note 10+ พี่ใหญ่ประจำตระกูล Samsung Galaxy Note 10 Series ที่มาพร้อมการจัดเต็มในทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นสเปคที่แรงเต็มที่ด้วยขุมพลัง Exynos 9825 แบบ 7 นาโนเมตร หน้าจอแสดงผลสุดกว้าง Dynamic AMOLED ดีไซน์ตัวเครื่องเบาบาง และกล้องรวมถึง 5 เลนส์ แล้วยังมีความโดดเด่นประจำซีรี่ย์อย่าง S-Pen ปากกาอัจฉะริยะ ที่มารอบมีการสั่งการแบบใหม่จากฟีเจอร์ Air Action ใช้สั่งการกลางอากาศราวกับรีโมท และมีลูกเล่นแปลกใหม่เกี่ยวกับปากกา S-Pen อีกมากมาย

รูปลักษณ์ภายนอกLook & Design

ตัวเครื่อง Samsung Galaxy Note 10+ มีดีไซน์ที่ใหญ่ตามฉบับ Galaxy Note Seires ด้วยขนาดตัวเครื่อง 162.3 x 77.2 x 7.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 196 กรัม มีการเคลือบกระจก Gorilla Glass 6 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

หน้าจอแสดงผล Dynamic AMOLED กว้าง 6.8 นิ้ว ความละเอียด QHD+ (3040x1440 พิกเซล) อัตราส่วน 19:9 รองรับคอนเทนด์ HDR10+ และมีดีไซน์รอยแหว่งแบบ Infinity-O

เหนือหน้าจอแสดงผล บริเวณรอยแหว่ง Infinity-O มีกล้องหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2

ส่วนล่างหน้าจอแสดงผล จะแสดงให้เห็นว่าความกว้างของหน้าจอแสดงผล มีการกินตัวเครื่องไปค่อนข้างเยอะ จึงมีอัตราส่วนหน้าจอกับตัวเครื่องสูงถึง 91% ในขณะที่ปุ่มนำทางจะมาในรูปแบบซอฟแวร์ในหาจอ และมีที่สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแบบ Ultrasonic

บนตัวเครื่อง มีช่องใส่ถาดซิมการ์ดแบบ Hybrid อยู่ทางซ้าย รองรับซิมการ์ดแบบ Nano SIM 2 ช่อง หรือเปลี่ยน 1 ช่องเป็น MicroSD Card ถัดมาทางขวาเป็นช่องลำโพงเสียง และรูไมโครโฟน

ใต้ตัวเครื่องมีปากกา S-Pen และช่องเก็บปากกาอยู่ขวาสุด ถ้ดมาทางซ้ายเป็นลำโพงเสียง ต่อมาเป็นพอร์ต USB Type-C และรูไมโครโฟน

ฝั่งขวาตัวเครื่องไม่มีปุ่มการใช้งานใดๆ

ฝั่งซ้ายตัวเครื่อง มีปุ่มเพิ่มลดเสียง และปุ่มล่างคือปุ่มพักหน้าจอ เมื่อกดค้างจะเป็นการเรียกใช้งาน Bixby อย่างไรก็ตามทั้ง 3 ปุ่มสามารถปรับแต่งให้ใช้งานในรูปแบบอื่นๆ ได้ โดยเข้าไปปรับแต่งที่การตั้งค่า

ผลิกมาที่ฝาหลังตัวเครื่้อง มุมบนซ้ายเป็นกล้องหลัง 3 เลนส์เรียงกันเป็นแนวตั้ง ถูกแบ่งเป็นเลนส์ Ultra Wide Camera 16 ล้านพิกเซล, เลนส์ Wide-angle Camera 12 ล้านพิกเซล และเลนส์ Telephoto 12 ล้านพิกเซล ถัดมาข้างขวาเป็นเลนส์ 3 มิติ DepthVision Camera และไฟแฟลช

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • ตัวเครื่อง Samsung Galaxy Note 10+
  • อะแดปเตอร์ จ่ายไฟ 25W
  • สาย USB Type-C to Type-C
  • หูฟัง AKG แบบ Type-C
  • จุกหูฟังซิลิโคน 2 คู่
  • อุปกรณ์เปลี่ยนหัวปากกา S-Pen
  • เข็มนำถาดซิมออก
  • เคสซิลิโคน
  • คู่มือการใช้งาน และใบรับประกัน

เมนู & ฟังก์ชันMenu & Function

สเปค Samsung Galaxy Note 10+

  • ขนาดตัวเครื่อง : 162.3 x 77.2 x 7.9 มิลลิเมตร
    น้ำหนัก : 198 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล : Dynamic AMOLED กว้าง 6.8 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ ความละเอียดพิกเซล 498PPi ดีไซน์รอยแหว่งแบบ Infinity-O รองรับคอนเทนด์ HDR+ มีความสว่างสูงสุด 1,000nit และเคลือบด้วยกระจก Gorilla Glass 6
  • ชิปเซ็ต : Exynos 9825 สถาปัตยกรรมแบบ 7 นาโนเมตร
  • RAM : 12GB LPDDR4
  • ROM : 256GB / 512GB แบบ UFS 3.0 รองรับ MicroSD Card สูงสุด 1TB
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 9 Pie
  • กล้องหลัง 4 เลนส์
    - เลนส์ Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.5-f/2.4 (Dual Aperture) กันสั่น OIS
    - เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.2 มุมกว้าง 123 องศา กันสั่น OIS
    - เลนส์ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.1 ซูมแบบ Optical ได้ 2 เท่า
    - เลนส์ 3 มิติ DepthVision Camera
  • กล้องหน้า : ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล f/2.2
  • ช่องใส่ซิมการ์ด : ถาดซิมแบบ Hybrid รองรับ Nano SIM 2 ซิม หรือเปลี่ยน 1 ช่องเป็น MicroSD Card
  • ระบบความปลอดภัย : สแกนใบหน้า และสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ Ultrasonic
  • กันน้ำกันฝุ่น : IP68
  • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax 2.4G+5GHz, พอร์ต USB Type-C, Bluetooth 5.0, ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
  • แบตเตอรี่ : 4,300mAh รองรับชาร์จไร้สาย 15W และรองรับชาร์จเร็ว 45W (แต่ในกล่องจะให้อแดปเตอร์ 25W มาให้ อแดปเตอร์ 45W ต้องซื้อแยก)

RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน

ตัวเลือก RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลภายในของ Samsung Galaxy Note 10+ จะมีให้เลือกด้วยกัน 2 ตัวเลือกคือ 12GB+256GB ราคา 37,900 บาท และ 12GB+512GB ราคา 40,900 บาท ซึ่งสามารถเลือกได้ความเหมาะสมของผู้ใช้งาน แต่หากทั้ง 2 ตัวเลือกยังไม่พอ ก็ยังสามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้สูงสุดอีก 1TB

ระบบปฏิบัติการ

ตั้งแต่แกะกล่องมา Samsung Galaxy Note 10+ จะมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie และถูกปรับแต่งด้วย OneUI 1.5 ซึ่งหน้าตา UX กับ UI จะมีความเป็นเอกลักษณ์แบบฉบับ Samsung Galaxy รวมไปถึงแอพฯ และมีแอพฯ จากโรงงานบางส่วนเพิ่มมาให้

ตั้งค่าปุ่มด้านข้าง และปุ่ม Bixby

จะสังเกตุได้ว่าปุ่ม Bixby ข้างตัวเครื่องได้หายไป ซึ่งที่จริงแล้วปุ่ม Bixby ยังเรียกใช้งานได้จากการกดปุ่มพักหน้าจอค้างเอาไว้ แต่หากไม่สะดวกกับการใช้งานแบบนี้ก็สามารถเข้าไปปรับเปลี่ยนได้ที่ การตั้งค่า > คุณสมบัติขั้นสูง > ปุ่มด้านข้าง

การปิดเปิดเครื่อง ปกติสมาร์ทโฟนทั่วไปจะต้องกดปุ่มเพาเวอร์ค้าง แต่ Samsung Galaxy Note 10+ จะต้องกดปุ่มลดเสียง กับปุ่มเพาเวอร์พร้อมกัน หรือกดปิดในแผนด่วน ส่วนการแคปหน้าจอจะต้องกดปุ่มลดเสียง กับปุ่มเพาเวอร์พร้อมกัน 2 ครั้ง

หน้าจอหลัก

 

โหมดกลางคืน

โหมดกลางคืนหรือโหมดมืด จะเป็นการปรับเปลี่ยนธีมให้เป็นโทนสีดำ (เฉพาะหน้าตั้งค่า และแอพฯ บางแอพฯ) ซึ่งจะสะดวกต่อสายตาในการใช้งานตอนกลางคืน ผู้ใช้งานสามารถเปิดหรือปิดได้ด้วยตนเอง หรือกำหนดเวลาให้เปิดโหมดกลางคืนแบบอัตโนมัติ โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > จอภาพ > โหมดกลางคืน

แผง Apps Edge และมุมมองป็อปอัพ

เมื่อผู้ใช้งานเลื่อนนิ้วจากขอบหน้าจอเข้ามาข้างใน จะเป็นการเปิดแถบ Apps Edge ขึ้นมา ซึ่งตรงนี้จะเหมือนเครื่องมือด่วนในการเริ่มใช้งานแอพฯ แบบไม่ต้องกลับไปหน้าโฮม และยังสามารถเปิดแอพฯ แบบมุมมองป็อปอัพ เมื่อทำการ Drag & Drop แอพฯ ไปยังทางซ้าย ทั้งนี้แผง Apps Edge ยังสามารถปรับเปลี่ยนเป็นแบบอื่นได้อีกมากมาย โดยเข้าไปตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า > จอภาพ > หน้าจอขอบ > แผง Edge

แถบการนำทาง

สำหรับการนำทางจะมีให้เลือก 2 แบบคือ ปุ่มการนำทาง และท่าทางเต็มหน้าจอ โดยปุ่มการทำงานจะมีการใช้งาน 3 ปุ่มมาตรฐานคือ ย้อนกลับ, กลับสู่โฮม และแอพฯ ล่าสุด ส่วนทางการเต็มหน้าจอ จะเป็นการเลื่อนหน้าจอทางด้านล่างขึ้นบน ทางซ้ายคือแอพฯ ก่อนหน้า, ตรงกลางคือ กลับสู่หน้าโฮม, ทางขวาคือ ย้อนกลับ โดยเข้าไปเลือกได้ตามใจชอบที่ การตั้งค่า > จอภาพ > แถบนำทาง

Always On Display

เมื่อทำการพักหน้าจอแสดงผล หากเปิดโหมด Always On Display หน้าจอจะทำการแสดงข้อมูลที่จำเป็นอย่างเช่น เวลา, วันที่, แบตเตอรี่, การแจ้งเตือน สามารถเข้าไปเปิดได้ที่ การตั้งค่า > ล็อกหน้าจอ > Always On Diaplay ในขณะที่รูปแบบการแสดงผล ก็สามารถเข้าไปเปลี่ยนได้ที่ การตั้งค่า > หน้าจอล็อก > รูปแบบนาฬิกา

แบ่งแอพฯ Dual Messenger

คนที่ใช้สังคมออนไลน์ และมีบัญชีการใช้งาน 2 บัญชีต้องชอบฟีเจอร์นี้แน่นอน เพราะเป็นการแบ่งแอพฯ ออกมาอีก 1 แอพฯ และการใช้งานจะเหมือนกันทั้งหมด ทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินได้ 2 บัญชีพร้อมกัน โดยที่ไม่ต้องสลับบัญชีไปๆ มาๆ ในแอพฯ เดียว ซึ่งทำได้ด้วยการเข้าไปที่ การตั้งค่า > คุณสมบัติขั้นสูง > Dual Messenger

การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง

  • ผลการทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย AnTuTu Benchmark v7.0.5 ได้ 345,637
    คะแนน
  • ผลการทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมด้วย Geekbench 4 ได้คะแนน Single-Core ที่ 4,466 และคะแนน Multi-Core ที่ 10,159 คะแนน
  • ผลการทดสอบประสิทธิภาพกราฟิกด้วย 3DMark Overall Sling Shot Extreme - OpenGL ES 3.1 ได้ 4,993 คะแนน และ Sling Shot Extreme - Vulkan 4,846 คะแนน
  • ผลตรวจสอบระบบสัมผัสหน้าจอแบบ Multitouch สูงสุด 10 จุด

ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้

  • Accelerometer Sensor ตรวจวัดความเร่งจากการโน้มเอียง
  • Light Sensor ตรวจจับแสงสว่าง
  • Orientation Sensor เซ็นเซอร์ปรับมุมมองหน้าจอ
  • Proximity Sensor ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนาแนบหู
  • Gyroscope Sensor เซ็นเซอร์ตรวจจับลักษณะการหมุนของสมาร์ทโฟน
  • Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
  • Magnetic Sensors เซ็นเซอร์ตรวจจับแม่เหล็ก
  • Pressure Sensor เซ็นเซอร์วัดความดัน

จุดเด่นน่าสนใจSpecial & Features

ปากกา S-Pen โฉมใหม่

ความเป็นตระกูล Galaxy Note สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ปากกา S-Pen ซึ่งปากกา S-Pen โดย S-Pen ที่มากับ Samsung Galaxy Note 10+ จะมีความพิเศษกว่ารุ่นที่ผ่านๆ มา เพราะรอบนี้มีการใช้เซนเซอร์ Gyroscope ทำให้ S-Pen สามารถสั่งการกลางอากาศ แบบที่ไม่ต้องสัมผัสหน้าจอแสดงผล นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นชวนสนุกอีกมากมายเกี่ยวกับปากกา S-Pen โดยสามารถเข้ามาดูการลูกเล่นหลักทั้งหมดของปากกา S-Pen ได้ตามลิ้งค์ตรงนี้ https://news.siamphone.com/news-43148.html

Samsung DeX ใช้งานได้อิสระ และง่ายขึ้น

ฉีกกฏการใช้งาน Samsung DeX แบบเก่าทั้งหมด เพราะ Samsung DeX โฉมใหม่สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้แล้ว เพียงใช้แค่สาย USB Type-C เท่านั้น และการทำงานก็มีความอิสระมากขึ้น สามารถใช้งานทั้ง 2 อย่างได้พร้อมกัน และโอนย้ายไฟล์ง่ายๆ เพียงแค่ Drag & Drop เท่านั้น สามารถตามไปดูการใช้งาน Samsung DeX โฉมใหม่แบบเต็มๆ ได้ตามลิ้งค์ตรงนี้ https://news.siamphone.com/news-43164.html

ลิงก์กับ Windows

ลิงค์กับ Windows เป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจบน Samsung Galaxy Note 10 Series เพราะระบบนี้จะมาช่วยให้ Sync ข้อมูลรูปภาพไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ Windows ได้แบบรวดเร็วแบบไม่ต้องต่อสาย เพราะเป็นการส่งข้อมูลผ่านระบบ Cloud เพียงแค่มีบัญชีอีเมล์ของ Microsoft และโปรแกรม Your Phone บนคอมพิวเตอร์ ส่วนรายละเอียดทั้งหมดตามมาดูได้ทางลิ้งค์ตรงนี้ https://news.siamphone.com/news-43215.html

หน้าจอ Dynamic AMOLED กว้าง 6.8 นิ้ว รองรับคอนเทนด์ HDR10+

เรื่องหน้าจอแสดงผลไว้ใจ Samsung ได้เลย โดย Samsung Galaxy Note 10+ ก็ยังมาพร้อมสุดยอดหน้าจอ อย่าง Dynamic AMOLED พร้อมความกว้างถึง 6.8 นิ้ว มีความละเอียดระดับ QHD+ ดันความสว่างได้สูงถึง 1200 nit และยังรองรับคอนเทนด์ HDR10+ นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองจาก VDE Germany และ TUV Rheinland มั่นใจได้ว่า หน้าจอจะให้แสงสีที่แท้จริง และไม่เป็นอันตรายต่อสายตา

ขุมพลัง Exynos 9825 แบบ 7 นาโนเมตร

ชิปเซ็ต Exynos 9825 จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักให้กับ Samsung Galaxy Note 10+ (ที่ขายในประเทศไทย) ซึ่งมารอบนี้มีการปรับเปลี่ยนให้เป็นสถาปัตยกรรม 7 นาโนเมตร ทำให้มีการประหยัดพลังงาน และทรงพลังมากขึ้น จากเดิม Exynos 9820 ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบ 8 นาโนเมตร 

ทดสอบการเล่นเกม และการบริการ Discord

Samsung Galaxy Note 10+ เป็นถึงสมาร์ทโฟนรุ่นท็อป มีสเปคต่างๆ ที่จัดเต็ม แน่นอนว่าการเล่นเกมไม่เป็นอุปสรรคแน่นอน ด้วยขุมพลังตัวใหม่ Exynos 9825 และ RAM สูงถึง 12GB ทั้งนี้ยังมีระบบ Game Launcher เป็นตัวจัดการเกม ค่อยบอกระยะเวลาที่เล่นเกม และจัดการการแจ้งเตือนต่างๆ ทั้งนี้ยังมีการบริการจาก Discord ให้แบบฟรีๆ ทำให้สือสารกับเพื่อนได้สะดวกอีกช่องทาง

  • ROV

ROV เวอร์ชั่นใหม่ ได้ข่าวมาว่ามีการกินสเปคของเครื่องมากขึ้น แต่สำหรับ Samsung Galaxy Note 10+ สามารถใช้เล่นได้อย่างราบรื่น ปรับกราฟฟิกสุดทุกอย่าง พร้อมดันเฟรมเรตระดับสูงได้ เมื่อใช้เล่นจริงปรากฏว่าเฟรมเรตนิ่งๆ อยู่ที่ 59-60fps ซึ่งถือว่าสอบผ่านแบบไร้ปัญหา

  • PUBG Mobile

เกมแนวยิงเอาชีวิตรอดอย่าง PUBG Mobile ก็สามารถเล่นได้อย่างสบายๆ ด้วยการตั้งค่ากราฟฟิกระดับสูงที่ HDR HD, ดันเฟรมเรตระดับ Ultra พร้อมเปิดความละเอียดภาพ และเงา เรียกว่าใครเป็นสาวกเกม PUBG Mobile ใช้ Samsung Galaxy Note 10+ เล่นได้เลนไม่มีผิดหวัง

  • Asphalt 9

เกมรถแข่งที่มีกราฟฟิกอลังการอย่าง Asphalt 9 ก็สามารถเล่นด้วยกราฟฟิกระดับสูง ซึ่งภาพและเอฟเฟคระหว่างเล่นจริง ก็มีความสวยงามเป็นอย่างมาก ใครที่ชอบความสวยงามของตัวเกมแบบจัดเต็ม ใช้ Samsung Galaxy Note 10+ ได้เลย

ระบบระบายความร้อน Vapor Chamber

Samsung Galaxy Note 10+ จะมีการจัดการความร้อนระหว่างเล่นเกมได้ดี เพราะมีระบบระบายความร้อนอย่าง Vapor Chamber แบบใหม่ พร้อมทำงานร่วมกับ AI และ NPU เพื่อให้เล่นเกมได้อย่างไหลลื่น แม้จะปรับกราฟฟิกระดับสูงก็ตาม

ระบบเสียง Dolby Atmos

ด้านระบบเสียงถือว่าดีเยี่ยม เพราะมีการรองรับระบบเสียง Dolby Atmos ทำให้คุณภาพเสียงที่ออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังใช้ระบบเสียง Dolby Atmos กับการเล่นเกมได้อีกด้วย นอกจากนี้ Samsung Galaxy Note 10+ ยังมาพร้อมลำโพงคู่ทำให้การเปิดเสียงจากลำโพงมีความดังสะใจ

สแกนลายนิ้วมือ Ultrasonic

ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอของ Samsung Galaxy Note 10+ ยังคงใช้เทคโนโลยี Ultrasonic ในการสแกน แต่จะต่างจาก Samsung Galaxy S10 Series ตรงพื้นที่ในการสแกนจะกว้างขึ้น เพื่อให้ทำการสแกนง่ายกว่าเดิม และมีการขยับที่สแกนให้ขึ้นมาสูงกว่าพอสมควร โดยการสแกนก็ถือว่ามีความแม่นยำสูง สแกนได้ง่ายทุกสภาพนิ้วมือ และสามารถจดจำลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ

สแกนใบหน้า

การสแกนใบหน้า เป็นอีกระบบรักษาความปลอดภัยของ Samsung Galaxy Note 10+ ซึ่งการสแกนก็มีความรวดเร็วทั้งช่วงจดจำใบหน้า และตอนสแกนปลดล็อก แต่ระบบยังทำงานได้ไม่ค่อยดีในที่แสงน้อย เนื่องจากไม่มีเซนเซอร์ 3 มิติ เป็นตัวช่วยในการสแกนใบหน้า

แบตเตอรี่ 4,300mAh รองรับชาร์จเร็ว 45W ชาร์จไร้สาย 15W

Samsung Galaxy Note 10+ ยังจัดเต็มในเรื่องของแบตเตอรี่ ด้วยขนาดใหญ่ถึง 4,300mAh มั่นใจการใช้งานได้ตลอดทั้งวัน เรื่องการชาร์จยังรองรับการชาร์จเร็วสูงสุดถึง 45W (แต่อะแดปเตอร์ที่ให้มาจะเป็นจ่ายไฟ 25W แบบ 45W ต้องซื้อแยก) และรองรับการชาร์จไร้สาย 15W

กล้องถ่ายรูป

หากย้อนไปดูสเปคกล้องถ่ายรูปของ Samsung Galaxy Note 10+ ตัวเลขความละเอียดอาจจะดูน้อยไปหน่อย แต่การใช้งานจริงๆ ไม่เป็นรองสมาร์ทโฟนที่มีความละเอียดกล้องสูงๆ เลย โดยกล้องหลังมาพร้อมกันถึง 4 เลนส์คือ เลนส์ Wide Angle 12 ล้านพิกเซล, เลนส์ Ultra Wide 16 ล้านพิกเซล เพิ่มความกว้าง 123 องศา, เลนส์ Telephoto 12 ล้านพิกเซล สามารถซูมแบบ Optical ได้ 2 เท่า และเลนส์ 3 มิติ DepthVision Camera

ส่วนกล้องหน้าแม้จะมีความความละเอียดเพียง 10 ล้านพิกเซล แต่การใช้งานจริงด้านเซลฟี่ถือว่าสอบผ่าน พร้อมให้ภาพใบหน้าที่ออกมาสวยงามน่าประทับใจ

  • เพิ่มมุมกว้าง 123 องศา จากเลนส์ Ultra Wide

ด้วยความสามารถของเลนส์ Ultra Wide จากกล้องหลัง ทำให้ Samsung Galaxy Note 10+ สามารถถ่ายรูปในมุมกว้างแบบ 123 องศา เป็นการเปิดมิติใหม่ในการถ่ายรูป และได้มุมภาพที่สวยงามออกมาอีกแบบ ที่สำคัญเลนส์ Ultra Wide มีความละเอียดถึง 16 ล้านพิกเซล เวลาใช้โหมดมุมกว้างภาพก็จะออกมาชัดสมบูรณ์

  • Scene Optimizer ระบบ AI จดจำซีน

นี้คือระบบ AI จดจำซีนต่างๆ เพื่อปรับแต่งภาพที่ถ่ายออกมา ให้มีความสวยงามมากขึ้นแบบอัตโนมัติ ซึ่งทาง Samsung ได้ใช้การประมวลภาพ และ Local Mapping ในการปรับแต่งภาพ และตัวระบบมีการจดจำซีนต่างๆ ได้กว่า 30 โหมด เช่น ใบหน้า, ดอกไม้, ต้นไม้, ท้องฟ้า, ตัวอาคาร, สุนัข, แมว เป็นต้น

  • ไลฟ์โฟกัส และเอฟเฟค Bokeh

ไลฟ์โฟกัส หรือการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอจาก Samsung Galaxy Note 10+ จะมีความเนียนในการเบลอพื้นหลังสมบูรณ์มากทีเดียว และยังมีลูกเล่นการปรับแต่งเอฟเฟคการเบลอภาพจากลูกเล่นเอฟเฟค Bokeh เพื่อเพิ่มมิติใหม่ๆ ในโหมดไลฟ์โฟกัส โดยมีลูกเล่นทั้ง เบลอ, วงกลม, Spin, Zoom, และคัลเลอร์พอยท์ ทั้งนี้โหมดไลฟ์โฟกัส และเอฟเฟค Bokeh สามารถใช้ได้ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง

  • ปรับแต่งหน้าสวย

การปรับแต่งหน้าสวยของ Samsung Galaxy Note 10+ จะไม่มีตัวเลือกให้ปรับเป็นส่วนต่างๆ แต่จะเป็นการปรับแบบภาพรวมทั้งใบหน้า โดยสามารถเลือกจะดับความเนียนได้ 0 ถึง 8 ระดับ เมื่อทดลองใช้งานก็พบว่า ใบหน้ามีความสวยงามพอสมควร และสามารถใช้งานได้ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง

 

 

  • โหมดกลางคืน

การถ่ายรูปตอนกลางคืนเป็นไปได้อย่างง่ายดาย เพราะ Samsung Galaxy Note 10+ มาพร้อมโหมดกลางคืน และระบบ Dual Aperture ซึ่งจะช่วยให้ถ่ายรูปตอนกลางคืนได้สวยงาม และเห็นรายละเอียดที่ชัดเจนมากขึ้น ในการใช้งานจริงก็ถือว่าง่ายดายมาก เพียงกดชัตเตอร์ จากนั้นถือค้างเอาไว้ 4-5 วินาที (ขึ้นอยู่กับสภาพแสงตอนนั้น) ก็จะได้ภาพตอนกลางคืนสวยๆ ออกมา

  • บันทึกวิดีโอ พร้อมใส่เอฟเฟค Bokeh แบบเรียวไทม์

Samsung Galaxy Note 10+ ยังสามารถถ่ายวิดีโอไลฟ์โฟกัส หรือถ่ายวิดีโอหน้าชัดหลังเบลอแบบเรียวไทม์ได้ โดยระบบจะมีการเบลอภาพแบบเรียลไทม์ตลอดการถ่ายทำวิดีโอ พร้อมตัวเลือกการเบลอในรูปแบบต่างๆ เช่น เบลอปกติ, เบลอวงกลมขนาดใหญ่, ดัลเลอร์พอยท์ และกลิดช์ ซึ่งจะช่วยให้การบันทึกวิดีโอหน้าชัดหลังเบลอมีรูปแบบใหม่ๆ และเกิดเอฟเฟคเบลอที่สวยงามในอีกหลายๆ แบบ

  • Zoom-in Mic ซูมคนไหนเสียงคนนั้นดัง

ด้านหลังตัวเครื่องของ Samsung Galaxy Note 10+ จะมีไมโครโฟนอีกตัวซ่อนอยู่ด้านหลัง โดยไมโครโฟนตรงนี้จะมาช่วยในฟีเจอร์ Zoom-in Mic ซึ่งหลักการทำงานจะทำงานตอนบันทึกวิดีโอ และหากผู้ใช้งานซูมไปยังคนที่กำลังพูดอยู่ จะได้ยินเสียงคนนั้นดังขึ้น แม้จะอยู่ในระยะที่ไกลก็ตาม

  • Super Steady ระบบป้องกันการสั่นไหว

นี้คือระบบป้องกันการสั่นไหวในขณะถ่ายวิดีโอ ซึ่งจะให้การถ่ายวิดีโอมีความนิ่งมากขึ้น แม้จะอยู่ในกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวแบบรวดเร็ว สามารถดูวิดีโอตัวอย่างได้ทางด้านล่าง

  • เลนส์ DepthVision Camera

เล่น 3 มิติ DepthVision Camera ที่มีเฉพาะ Samsung Galaxy Note 10+ จะช่วยให้ใช้งานในเรื่องการวัดระยะ และสร้างโมเดล 3 มิติขึ้น โดยตอนนี้สามารถใช้ร่วมกับแอพพลิเคชั่นอย่าง Quick Measure และ 3D Scanner

  • AR Doodle

สำหรับ AR Doodle เป็นลูกเล่นระหว่างการบันทึกวิดีโอ และปากกา S-Pen เพราะลูกเล่นนี้จะให้ผู้ใช้งานปากกา S-Pen วาดเขียนลงไปในวิดีโอได้ และสิ่งที่วาดเขียนลงไปจะมีการติดตามวัตถุที่แม่นยำ เมื่อการเลื่อนกล้องไปที่อื่น และเลื่อนกลับมาที่เดิมสิ่งที่วาดลงไปจะยังติดตามวัตถุอยู่ที่เดิม

คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง

  • ความละเอียดของภาพถ่ายจากกล้องหลัง : 4032 x 3024 (3:4), 4032 x 2268 (9:16), 3024 x 3024 (1:1), 4032 x 1908 (Full) พิกเซล
  • ความละเอียดของภาพถ่ายจากกล้องหน้า : 2944 x 2208 (3:4), 3216 x 1808 (9:16), 2208 x 2208 (1:1), 3216 x 1528 (Full) พิกเซล
  • ตัวเลือกซูม : x0.5 (มุมกว้าง), x1.0, x2.0
  • แฟลช : อัตโนมัติ, ปิด, เปิด
  • ตัวตั้งเวลา : ปิด, 2, 5, 10 วินาที
  • อัตราส่วน : 3:4, 9:16, 1:1, Full
  • เอฟเฟ็กต์ : ตั้งเดิม, อบอุ่น, เย็น, Lolli, ซีด, Blossom, Ivory, จาง, นุ่ม, Kiss Me, Greyscale, Classic, ขาวดำ
  • ตัวปรับสีภาพ : เปิด, ปิด
  • คำแนะนำการถ่ายช๊อต : เปิด, ปิด
  • สแกน QR Code : เปิด, ปิด
  • รูปภาพเคลื่อนไหว : เปิด, ปิด
  • กดค้างที่ปุ่มชัตเตอร์เพื่อ : ถ่ายภาพ, ถ่ายช็อตต่อเนื่อง, สร้าง GIF
  • ตัวเลือกการบันทึก : รูปภาพ HEIF, สำเนา RAW, รูปภาพตามที่แสดงในตัวอย่าง, การแก้ไข
  • HDR (ริชโทน) : อัตโนมัติ, เปิด, ปิด
  • การติดตามโฟกัสอัตโนมัติ : เปิด, ปิด
  • รูปภาพตามที่แสดงตัวอย่าง : เปิด, ปิด
  • จุดตัดเก้าช่อง : ปิด, 3x3, จตุรัส
  • แท็กสถานที่ : เปิด, ปิด

คุณสมบัติการบันทึกวิดีโอ

  • ความละเอียดของภาพวีดีโอจากกล้องหลัง : 3840x2160 (UHD 60fps), 3840 x 2160 (UHD), 1920x1080 (FHD 60fps), 1920x1080 (FHD), 1280x720 (HD) (16:9), 2288x1080 (19:9), 1440x1440 (1:1) พิกเซล
  • ความละเอียดของภาพวีดีโอจากกล้องหน้า : 3840 x 2160 (UHD), 1920x1080 (FHD), 1280x720 (HD), 2288x1080 (19:9), 1440x1440 (1:1) พิกเซล
  • แฟลช : อัตโนมัติ, ปิด, เปิด
  • Super Steady : เปิด, ปิด
  • AR Doodle : เปิด, ปิด
  • วิดีโอประสิทธิภาพสูง : เปิด, ปิด
  • วิดีโอ HDR10+ (ยกเว้น UHD 60fps) : เปิด, ปิด
  • ซูมเข้าไมโครโฟน : เปิด, ปิด
  • ความเสถียรของวิดีโอ : เปิด, ปิด
  • รูปภาพแสดงตัวอย่าง : เปิด, ปิด
  • HDR (ริชโทน) : เปิด, ปิด
  • จุดตัดเก้าช่อง : ปิด, 3x3, จตุรัส
  • แท็กสถานที่ : เปิด, ปิด
  • โหมดการถ่ายวิดีโอ : วิดีโอ, Super Slow-mo, Slow motion, Hyperlaspe

ตัวอย่างภาพจากกล้องSample & Photo

  

  

Samsung

ขอขอบคุณ : บริษัท ไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ จำกัด โทร. 02-689-3232

ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ : Samsung Galaxy Note 10+
https://www.siamphone.com/spec/samsung/galaxy_note_10+.htm

แคตตาล็อกตัวเครื่อง : https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=460578

ตัวอย่างภาพจากกล้อง Sample & Photo

ข้อมูลสเปคSpecification

6.9 นิ้ว

จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล

50MP + 2MP (Depth)

กล้องหน้า 16MP

Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core

Android

Android 13

หน่วยความจำ

RAM 8 GB
ROM 256 GB

แบตเตอรี่

4,310 mAh
ชาร์จไว 33W

nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท

รุ่นใกล้เคียงRecommend

Samsung Galaxy Z Flip 3

  • หน้าจอ : 6.7 นิ้ว Dynamic AMOLED 2X , 1.9 นิ้ว Super AMOLED
  • ระบบปฏิบัติการ : One UI 3.5 based on Android 11
  • หน่วยประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 888 Octa Core
  • กล้องหลัง : 12MP(Wide), 12MP(Ultrawide)
  • กล้องหน้า : 10MP
  • หน่วยความจำ : RAM 8 GB | ROM 128/256 GB
  • แบตเตอรี่ : 3,300 mAh

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รีวิวโดย: ปิตุภูมิ นันทวิทยา ภาพโดย: สิรภพ ผิวทอง
วันที่ 30 สิงหาคม 2562

VIEWS

แบ่งปันบทความ

สินค้าออนไลน์