www.siamphone.com
สมาร์ทโฟน (Smartphone) | วันที่ : 22 ตุลาคม 2560
ในโลกของสมาร์ทโฟนเทคโนโลยีที่กำลังมาแรง ณ ตอนนี้คงต้องยกให้กับระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ในหลายๆ แบรนด์ต่างนำมาผสมผสานและชูเป็นจุดขายที่สร้างความแตกต่างต่อลักษณะการใช้งาน ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่าอนาคต AI จะกลายเป็นมาตรฐานของดีไวซ์อย่างแน่นอน และปี 2018 ก็อาจเข้าสู่อะไรใหม่ๆ มากขึ้นในอุตสาหกรรมดังกล่าว ดังนั้นเรามาหาคำตอบกันหน่อยว่าเทคโนโลยีสุดลํ้าผู้ใช้งานจำเป็นต้องพึ่งพาจริงหรือ แล้วจะได้ประโยชน์อะไร ?
หลังจากบทความก่อนได้อธิบายเกี่ยวกับ ความลงตัวที่กลมกล่อมอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง Internet of Things กับระบบปัญญาประดิษฐ์ Artificial intelligence ทว่าบทความนี้จะเจาะลึกลงแค่โลกของสมาร์ทโฟนเท่านั้น
สำหรับระบบปัญญาประดิษฐ์ต้องอธิบายว่ามีความซับซ้อนกว่าเมื่อเทียบกับระบบประมวลผลทั่วไปซึ่งหากใช้จำนวนข้อมูลขนาดใหญ่อาจเกิดการทำงานที่บกพร่องได้รวมถึงใช้ทรัพยากรสูง ดังนั้นทางแก้คือต้องใส่เงื่อนไขเพื่อเรียกใช้ข้อมูลถูกต้องแม่นยำและเน้น Core มากขึ้นสำหรับการทำงานที่รวดเร็ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่สามารถตอบโจทย์การทำงานได้เหมาะสม
และเมื่อพูดถึงสมาร์ทโฟนเมื่อตัวอุปกรณ์มีขนาดเล็กจึงกลายเป็นเรื่องท้าทายใหม่ เพราะถ้าแก้ปัญหา เหมือนกับที่กล่าวมาข้างต้นจึงส่งผลให้ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ ทั้งยังสิ้นเปลืองพลังงานของแบตเตอรีโดยใช่เหตุ นอกจากนี้การทำงานหรือที่เราเรียกว่าฟีเจอร์ หากต้องการความซับซ้อน และข้อมูลแบบแม่นยำเที่ยงตรง ถ้าหวังพึ่งพาแค่ CPU ในทางทฤษฏีแล้วแทบเป็นไปไม่ได้กับข้อจำกัดที่มีอยู่ ดังนั้นจึงต้องอาศัยตัวช่วยอย่างระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการ
แล้ว AI มีบทบาทอย่างไรต่อสมาร์ทโฟน ?
คำตอบนี้ไม่สามารถกระจ่างชัดเจนได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วระบบปัญญาประดิษฐ์จะมีความสามารถใด ล้วนขึ้นอยู่กับผู้ออกแบบว่าต้องการเน้นประมวลผลรูปแบบไหนเหมือนกับที่เราเห็น เช่น เน้นถ่ายภาพเพื่อความเป็นธรรมชาติ สมจริงมากขึ้น หรือบริหารจัดการทรัพยากรเครื่องให้ดีขึ้นกว่าเดิม ก็เนื่องจากว่าหน่วยประมวลผลทั่วไปไม่สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งเห็นได้จากมีการแบ่งขั้นตอนชัดเจน เช่น 4 คอร์สำหรับการใช้งานทั่วไปและอีก 4 คอร์ใช้ก็ต่อเมื่อต้องการประมวลผลสูง โดยสรุปได้ว่า AI จะมีบทบาทเช่นใดขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาเป็นหลัก
แต่การประมวลผลของ AI ดังกล่าวข้างต้นก็ถือว่ายังไม่สมบูรณ์แบบ!
ทำไมถึงพูดว่าไม่สมบูรณ์แบบเหมือนกับหน่วยประมวลผล CPU ที่ปกติแล้วก็สามารถประมวลผลด้านกราฟฟิกได้ ทว่าเมื่อเจาะลึงลงไปผลลัพธ์ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ดังนั้นจึงเกิดเป็นหน่วยประมวลผลเฉพาะขึ้นมาหรือที่เรารู้จักว่า GPU (Graphics Processing Unit) เพื่อทำงานร่วมกันแต่ก็แยกออกจากกันชัดเจน
ซึ่ง AI ส่วนใหญ่ ณ ตอนนี้จะเป็นเพียงแค่ซอฟต์แวร์ไม่มีฮาร์ดแวร์ดังนั้นการทำงานจึงไม่สมบูรณ์แบบ ทว่าหลายแบรนด์มักโฆษณาชวนเชื่อว่าสมาร์ทโฟนของเรามีนะ แต่ในความเป็นจริงแล้วการมาพร้อมชิปเซ็ตแยกต่างหากถือว่าตอบโจทย์มากกว่า นั่นเท่ากับว่าคุณจะมีทั้งฮาร์ดแวร์ & ซอฟต์แวร์ แน่นอนว่าสองย่อมดีกว่าหนึ่ง ถ้าไม่มีฮาร์ดแวร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการทำงานซับซ้อนของ AI วันใดวันหนึ่ง เมื่อปริมาณข้อมูลมากขึ้น หน่วยประมวลผลที่มีในสมาร์ทโฟนอาจไม่สัมพันธ์กันไปโดยปริยาย
ดังนั้นถ้าผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนเน้นการใช้งานระยะยาว และอยากให้เกิดประโยชน์สูงสุดจาก AI จึงควรต้องหารุ่นที่มีชิปเซ็ตประมวลผลเฉพาะ เพราะ CPU ยังมี GPU หรือการถ่ายภาพยังมีหน่วยประมวลผลภาพเฉพาะ เช่นเดียวกับระบบเสียงที่ต้องมีชิปเซ็ตของตนเองเพื่อพลังเสียงที่นุ่มนวล
ประโยชน์ที่จะได้รับเมื่อมี AI อยู่ในสมาร์ทโฟน
ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้พัฒนาได้สร้างให้ระบบปัญญาประดิษฐ์มุ่งเน้นการทำงานด้านใด ผู้ใช้อย่างเราก็จะได้ข้อดีของตรงนั้นมา ซึ่งความซับซ้อน การแยกแยะ การวิเคราะห์ การเรียนรู้พฤติกรรม การใช้ข้อมูลที่เหมาะสม หรือการตรวจสอบความปลอดภัยที่ในปัจจุบันได้กลายมาเป็นโซลูชั่นสำคัญแล้ว จะเห็นว่าหากพึ่งพาแค่เพียง CPU เพียงอย่างเดียวจึงทำไม่ได้ และเมื่อต้องอาศัยหน่วยประมวลผลแยกเฉพาะมากขึ้นจึงเกิดความสัมพันธ์หนึ่งรูปแบบของนวัตกรรมขึ้นมาในระดับนาโนเพื่อให้มีขนาดเล็กช่วยเพิ่มพื้นที่และประหยัดพลังงานมากขึ้น
สรุปได้ว่าการใช้สมาร์ทโฟนที่มีระบบปัญญาประดิษฐ์ เราก็สามารถเลือกให้ตรงกับไลฟ์สไตล์การใช้งานของเรา เช่น เน้นเกม เน้นภาพ เน้นข้อมูล เพราะค่อนข้างมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ก็มีบางรุ่นที่ครอบคลุมทั้งหมด ทว่าราคายังสูงหากเป็นุร่นที่มีฮาร์ดแวร์เฉพาะ แต่ถ้าถามถึงความจำเป็น ณ ช่วงเวลานี้อาจไม่จำเป็นแต่ถ้าคุณมีงบประมาณเพียงพอแน่นอนว่าจะส่งผลให้เรารับประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่างจากเดิม สะดวกสบายคล่องตัวยิ่งขึ้น ก็เป็นอีกหนึ่งข้อแตกต่างอย่างชัดเจน
ดังนั้นก่อนซื้อต้องหาข้อมูลให้ละเอียด แต่หากหวังให้สมบูรณ์แบบซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาอีกพักหนึ่งเพราะถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับวงการสมาร์ทโฟนอยู่! และในอนาคตเราคงต้องพึ่งพาเทคโนโลยีนี้กันมากขึ้นเพื่อเชื่อมต่อและใช้ข้อมูลทุกอย่างไว้ด้วยดัน
วันที่ : 22 ตุลาคม 2560
Infinix Hot 60i เปิดตัวแล้ว จอ 120Hz ชิปฯ แรง กล้อง 50MP ในราคาที่ต้องว้าว3 ชั่วโมงที่แล้ว
JBL Endurance Zone หูฟัง Open-Ear ตัวท็อปสำหรับคนแอคทีฟ ไม่ต้องใส่เข้าไปในหู เบสก็กระหึ่ม แถมกันน้ำระดับสุดยอด9 ชั่วโมงที่แล้ว
ยุคใหม่ของความคมชัด HDMI 2.2 เปิดตัว ปูทางสู่จอภาพ 16K11 ชั่วโมงที่แล้ว
JBL Tune Beam 2 มาแล้ว หูฟัง TWS เบสแน่น ANC เจ๋ง แบตฯ อึด ที่คนรักเสียงเบสต้องลอง13 ชั่วโมงที่แล้ว
หลุดสเปค Nothing Headphone (1) ก่อนเปิดตัว แบตอึด 80 ชม. จูนเสียงโดย KEF17 ชั่วโมงที่แล้ว
รีวิว OPPO Reno14 Series 5G อัปเกรดกล้องพอร์ตเทรตด้วย AI ไปอีกขั้น พร้อม Pad SE แท็บเล็ตคู่ใจสายเ...
พรีวิว OPPO Reno14 Series 5G พบกับประสบการณ์ The AI Portrait Expert ที่เหนือกว่า
เตรียมเปิดตัว OPPO Reno14 Series 5G สมาร์ทโฟน AI รุ่นล่าสุด พร้อมอัปเกรดการถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่ล้ำ...
OSCAL PILOT 3 เปิดตัวทั่วโลกแล้ว สมาร์ทโฟนพันธุ์แกร่ง 5G AI รุ่นแรกของโลก จัดโปรฯ เดือด 10 วันเท่...
LAVA Bold N1 Pro คุ้มค่าเกินราคา! แบตอึด กล้อง AI และการันตีอัปเดต Android 15 แน่นอน!
HONOR CHOICE Earbuds Clip หูฟังไร้สายแบบคลิป แกนไทเทเนียม ใส่สบายใช้งานยาวๆ 36 ชม.
TECNO Spark Go 2 หน้าจอ 6.67 นิ้ว 120Hz กันน้ำกันฝุ่น IP64 แบตฯ 5000mAh
HONOR Magic V5 ประกาศวันเปิดตัว พบกันที่เซินเจิ้น ต้นเดือนกรกฎาคม 2025
HUAWEI Pura 80 น้องเล็กในซีรี่ย์ กล้องยังมีดีแม้เซนเซอร์ไม่ใหญ่เท่ารุ่นพี่
Nothing Phone (3) อาจจัดหนักใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 4 ชาร์จเร็วทะลุ 100W