www.siamphone.com
แก็ดเจ็ต (Gadget) | วันที่ : 5 มิถุนายน 2564
Apple iPod อุปกรณ์สำหรับฟังเพลงที่ถูกเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2001 และหลังจากนั้นได้มีออกมาอีกมากมายหลากหลายรุ่น อาทิ iPod Classic, iPod Mini, iPod Shuffle, iPod nano และ iPod touch
จนปัจจุบันกว่า 20 ปี ที่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ถูกวางจำหน่ายและสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับตลาดสินค้าไอที ซึ่งวันนี้ทางทีมงานได้รวบรวมข้อมูลของ iPod ทั้งหมดและจะพาไปย้อนรอยตั้งแต่รุ่นแรกที่ถูกวางจำหน่ายจนถึงรุ่นล่าสุด จะมีอะไรบ้างไปชม!
iPod (Scroll Wheel) เริ่มเปิดวางครั้งแรกในเดือนตุลาคมปี 2001 โดยตัวเครื่องจะมีล้อเลื่อนที่หมุนได้จริง ๆ เป็นตัวควบคุมฟังก์ชั่นการใช้งานต่าง ๆ และมีความจุภายในเริ่มต้นที่ 5 GB เรียกว่าเป็น iPod รุ่นแรกหรือรุ่นที่หนึ่ง
iPod (Touch Wheel) เริ่มวางจำหน่ายในช่วงกรกฏาคมปี 2002 ตัวควบคุมของรุ่นนี้จะคล้ายกันกับ iPod (Scroll Wheel) ในปีก่อนแต่บริเวณล้อสัมผัสจะไม่สามารถหมุนได้ และมีความจุภายในมากกว่าเดิมโดยเริ่มต้นที่ 10GB ถือว่าเป็น iPod รุ่นที่สอง
Pod (ขั้วต่อ Dock) เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรกในเดือนเมษายน 2003 โดยถูกเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้สามารถต่อออกอุปกรณ์อื่นผ่าน Dock ได้ นอกจากนี้ยังเปลี่ยนมาใช้ล้อสัมผัสแบบ Click Wheel และปุ่มควบคุมทั้งสี่แทนที่แบบเดิม ความจุเริ่มต้นที่ 10-40GB เรียกว่าเป็น iPod รุ่นที่สาม
ครั้งแรกกับการเพิ่มสินค้าในไลน์ผลิต iPod โดยในปี 2004 ถูกเปิดตัวออกมาด้วยกันทั้งสิ้น 2 รุ่น iPod (Click Wheel) รุ่นทั่วไปและ iPod mini ที่มีขนาดเล็กลงเพื่อการพกพาที่สะดวกมากขึ้น โดยในรุ่นเล็กจะมีความจุสูงสุดเพียง 4 GB เท่านั้น
iPod (Click Wheel) รุ่นต่างๆ มี Click Wheel เหมือนกับ iPod mini แต่ใหญ่กว่า และสวิตช์ Hold อยู่ที่ด้านขวาบน ส่วนความจุจะอยู่ที่ 20-40GB เรียกว่าเป็น iPod รุ่นที่สี่
ปฏิวัติวงการด้วยการเปิดตัว iPod มากถึง 4 รุ่นในปีนี้ ได้แก่ iPod photo , iPod mini (รุ่น 2) , iPod shuffle และ iPod nano ซึ่งทั้ง 4 รุ่นมีความแตกต่างกันตามการใช้งานดังนี้
iPod photo จะมีจอแสดงผลแบบสีและมีตัวควบคุมเดียวกันกับ iPod (Click Wheel) ซึ่งเหมาะสำหรับการดูภาพอัลบั้มและเล่นสไลด์โชว์ ความจุตัวเครื่อง 30-60GB
iPod mini (รุ่น 2) โดยภาพรวมตัวเครื่องจะเหมือนกันรุ่นเดิมแทบจะทุกอย่างแต่จะมีการสลักที่ด้านหลังของอุปกรณ์พร้อมทั้ง Click Wheel จะตรงกับสีของตัวเครื่อง ความจุตัวเครื่องอยู่ที่ 4-6 GB
iPod shuffle มีขนาดเล็กกว่า iPod mini และไม่มีจอแสดงผล มีไฟแสดงสถานะ LED ที่ด้านหน้าและด้านหลัง ความจุของไดรฟ์จะสลักอยู่บนขั้วต่อ USB ด้านหน้า โดยมีความจุอยู่ที่ 512 MB และ 1 GB
iPod nano มีขนาดเล็กกว่า iPod mini และมีหน้าจอแสดงผลแบบสีผสมผสานกับ Click Wheel พร้อมมีหน่วยความจำแบบแฟลชแทนที่จะเป็นฮาร์ดไดรฟ์ ซึ่งสามารถโอนถ่ายข้อมูลทั้งเพลงและรูปภาพด้วยสาย USB ได้แล้ว ความจุของ ตัวเครื่องจะอยู่ที่ 1-4 GB
iPod (รุ่นที่ 5) เป็น iPod ที่มีจอสีหน้าจอกว้างขนาดใหญ่พร้อมคงดีไซน์ของ Click Wheel และมีความสามารถในการแสดงรูปภาพและวิดีโอ อีกทั้งปรับเปลี่ยนไปใช้ USB ในการซิงค์ข้อมูลต่าง ๆ พร้อมเพิ่มสีใหม่คือ สีดำ ให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้
iPod shuffle (รุ่นที่ 2) ถูกปรับขนาดใหม่เล็กลงกว่า iPod shuffle รุ่นแรกอย่างมาก และไม่มีขั้วต่อ USB มีความจุตัวเครื่องที่ 1-2 GB
iPod nano (รุ่นที่ 2) ปรับขนาดใหม่เล็กลงกว่าเดิมและพิเศษกว่านั้นคือครั้งแรกในการออกสีใหม่ iPod nano (PRODUCT) RED Special Edition ที่เงิน 10 ดอลลาร์จากการขายแต่ละเครื่องจะนำเข้าสู่กองทุนโลกเพื่อต่อสู้โรคเอดส์ในแอฟริกาโดยตรง
iPod classic หลังจากมีสินค้ามามากว่า 5 รุ่นก็ทำการเปลี่ยนชื่อผลิตภัณฑ์ใหม่เป็น “iPod classic” โดยใช้การเก็บข้อมูลแบบฮาร์ดไดรฟ์ความจุขนาด 80GB มีหน้าจอสีขนาดใหญ่และคง Click Wheel เอาไว้ พร้อมมีจำหน่ายในสีเงินและสีดำ โดยมีขอบหุ้มอะลูมิเนียมชุบผิวและตัวเครื่องสแตนเลสขัดเงา
ครั้งแรกกับการเปิดจัว iPod touch ที่มีลักษณะตัวเครื่องคล้ายกับ iPhone โดยมาพร้อมกับจอแสดงผล 3.5 นิ้ว Multi-Touch พร้อมความจุตัวเครื่อง 8-32 GB สามารถเลือกดูเว็บได้ด้วย Safari และดูวิดีโอบน YouTube พร้อมสามารถซื้อเพลงจาก iTunes Wi-Fi Music Store บน iPod touch ได้อีกด้วย
iPod nano (รุ่นที่ 3) ถูกปรับโฉมตัวเครื่องให้เล็กลงพร้อมเพิ่มจอแสดงผลที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ยังรองรับการเล่นวีดีโอบนตัวเครื่องนี้ได้แล้ว ความจุตัวเครื่องอยู่ที่ 4-8 GB
iPod classic (120 GB) มีทุกอย่างเหมือนเดิมทุกประการแต่เพิ่มความจุขึ้นเป็น 120 GB
iPod touch (รุ่นที่ 2) สำหรับตัวเครื่องจะมีลักษณะเหมือนเดิมทุกประการ แต่มีฝาปิดเสาสัญญาณรูปวงรีที่มุมซ้ายบนของด้านหลังเครื่องเพิ่มเติม รวมทั้งขนาดความจุก็จะมีให้เลือกเท่าเดิมด้วยเช่นกัน
iPod nano (รุ่นที่ 4) ถูกปรับดีไซน์ใหม่จากเดิมให้มีลักษณะเป็นหน้าจอทรงสูง ผิวเรียบโค้ง พร้อมมีฟีเจอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ใช้โดยคุณสมบัติเขย่าเพื่อเปลี่ยนเพลงได้ มีความจุตัวเครื่องที่ 8-16 GB
iPod classic 160 GB ปรับขนาดความจุเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 160 GB เปิดตัวช่วงปลายปีของปี 2009 โดยมีลักณะและคุณสมบัติต่าง ๆ เช่นเดิม
iPod touch (รุ่นที่ 3) สำหรับรุ่นนี้ยังคงดีไซน์แบบเดิมทว่าเพิ่มเติมความจุให้เลือกมากขึ้น โดยมีให้เลือกที่ 32-64 GB
iPod nano (รุ่นที่ 5) ดีไซน์ต่าง ๆ ยังคงเหมือนเดิมแต่ถูกปรับขนาดหน้าจอแสดงผลให้ใหญ่ขึ้นพร้อมเคลือบผิวตัวเครื่องด้วยอะลูมิเนียมชุบผิวขัดเงาและติดตั้งกล้องและไมโครโฟนรวมอยู่ที่ด้านหลังของอุปกรณ์ มีความจุตัวเครื่องที่ 8-16 GB
iPod shuffle (รุ่นที่ 3) หลังจากห่างหายไป 2 ปีก็ได้ออกรุ่นใหม่มาเพิ่ม โดยปรับโฉมดีไซน์ใหม่ทั้งหมด นอกจากนั้นรุ่นนี้ยังมีพอร์ตหูฟังซึ่งจะเชื่อมต่อกับพอร์ต USB ของคอมพิวเตอร์อีกด้วย มีไฟแสดงสถานะหนึ่งดวงวางจำหน่ายทั้งหมด 5 สี มีความจุตัวเครื่อง 2-4 GB
iPod touch (รุ่นที่ 4) ปรับดีไซน์เล็กน้อยใหม่คล้ายคลึงกับ iPhone มากขึ้น โดนเพิ่มกล้องแบบ iSight และกล้อง FaceTime HD ความจุตัวเครื่อง 8-64 GB
iPod nano (รุ่นที่ 6) พลิกโฉมดีไซน์ครั้งใหญ่พร้อมปรับขนาดให้เล็กลงจนปรับเปลี่ยนเป็นนาฬิกาได้ วางจำหน่ายด้วยกัน 2 ความจุคือ 8 GB และ 16GB พร้อมมีให้เลือกมากถึง 6 เฉดสี
Pod shuffle (รุ่นที่ 4) ปรับดีไซน์ใหม่เช่นเดียวกับ iPod nano (รุ่นที่ 6) ทว่าจะไม่มีหน้าจอแสดงผล วางจำหน่ายทั้งหมด 5 สี ความจุตัวเครื่องเพียง 2 GB
สำหรับในปี 2011 จะไม่มี iPod ถูกเปิดตัวแต่จะมีในปี 2012 แทนโดนจะเป็น iPod touch (รุ่นที่ 5) ที่มีกล้อง iSight และกล้อง FaceTime HD พร้อมวางจำหน่ายด้วยกัน 5 เฉดสี ในขนาดความจุ 16-64 GB
iPod nano (รุ่นที่ 7) เปิดตัวในปี 2012 พร้อมการปรับเปลี่ยนดีไซน์อีกครั้ง โดยมาพร้อมกับตัวเครื่องขนาดเล็กที่มีหน้าจอเก็บเต็มตัวเครื่อง รองรับ Multi-Touch มีให้เลือกถึง 8 สีสันในขนาดความจุ 16 GB
Pod shuffle (รุ่นที่ 4 ปี 2012) สำหรับในรุ่นนี้ตัวเครื่องจะมีลักษณะเช่นเดิม ความจุยังคงเป็น 2GB ทว่ามีให้เลือกมากถึง 7 เฉดสี
ในปี 2013 และ 2014 iPod ถูกเปิดตัวใหม่แต่จะมีในปี 2015 โดยมี iPod touch (รุ่นที่ 6) โดยยังคงดีไซน์แบบเดิมพร้อมกับกล้อง iSight และกล้อง FaceTime HD นอกจากนี้ยังสินค้าในรุ่น (PRODUCT)RED ให้เลือกซื้ออีกด้วย
iPod nano (รุ่นที่ 7 ปี 2015) ดีไซน์ตัวเครื่องและขนาดความจุเหมือนเดิมทุกประการแต่เพิ่มสีใหม่ในรุ่น (PRODUCT)RED เข้ามา
iPod shuffle (รุ่นที่ 4 ปี 2015) จะเหมือนกัยรุ่นอื่น ๆ คือดีไซน์และสเปคทุกอย่างเหมือนเดิม แต่เพิ่มสีใหม่ในรุ่น (PRODUCT)RED เข้ามา
สำหรับในปี 2016-2020 จะมีเปิดตัวเพียงรุ่นเดียวเท่านั้นคือ iPod touch (รุ่นที่ 7) โดยได้ถูกเปิดตัวในเดือนพฤษภาคมของปี 2019 ดีไซน์ตัวเครื่องจะเหมือนเดิมแต่มีมีกล้องความละเอียด 8 MP และกล้อง FaceTime HD พร้อมความจุตัวเครื่องสูงสุดที่ 256 GB
สำหรับในปีนี้ยังไม่มีการระบุแน่ชัดว่าจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ของ iPod ถูกเปิดตัวหรือไม่ ทว่าตามข่าวลืออาจจะมีรุ่น “iPod Max” ถูกเปิดตัวในปีนี้ โดยเป็นการฉลองครบรอบ 20 ปีของ iPod ซึ่งตัวเครื่องจะรองรับการฟังเพลงคุณภาพสูงผ่าน Apple Music Lossless พร้อมฟีเจอร์ใหม่ Airplay 3 ด้วย
ทั้งหมดข้างต้นคือ iPod ที่ถูกเปิดตัวตั้งแต่ปี 2001-2020 ที่ทางทีมงานรวบรวมข้อมูลและนำมาฝากกันในวันนี้ สำหรับในปีนี้จะมี iPod รุ่นใหม่ถูกเปิดตัวดังข่าวลือหรือไม่ต้องมาลุ้นกันอีกครั้ง หากมีอัพเดทเกี่ยวกับรุ่นใหม่ทางทีมงานจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ที่มา : support.apple.com วันที่ : 5 มิถุนายน 2564
ZTE Blade V70 สมาร์ทโฟนระดับกลาง สเปคจัดเต็ม ดีไซน์บางเบา1 ชั่วโมงที่แล้ว
iPhone SE 4 ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ สู่ยุค 5G เต็มรูปแบบ1 ชั่วโมงที่แล้ว
Apple เปิดตัวฟีเจอร์ Genmoji ใน iOS 18.2 สร้างอิโมจิแบบใหม่ที่ไม่เหมือนใครด้วย AI บน iPhone7 ชั่วโมงที่แล้ว
Samsung Galaxy S25 Slim สุดยอดกล้องระดับไฮเอนด์ในตัวเครื่องที่บางเฉียบ9 ชั่วโมงที่แล้ว
vivo Y200 5G สมาร์ทโฟนน้องเล็กสายแกร่ง พร้อมท้าทุกการใช้งาน ยาวนาน 4 ปีเต็ม21 พ.ย. 67 15:00
Apple เปิดตัวฟีเจอร์ Genmoji ใน iOS 18.2 สร้างอิโมจิแบบใหม่ที่ไม่เหมือนใครด้วย AI บน iPhone
Belkin BoostCharge Pro แท่นชาร์จไร้สายแบบ 2-in-1 สาวก Apple ต้องมีติดไว้
MacBook Air จอ OLED เลื่อนเปิดตัวอีกแล้ว! ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
Beats Pill x Kim Kardashian ส่ง 2 สีพิเศษ เพิ่มความลักชูแบบเซเลบดัง
รีวิว iPhone 16 Plus คุ้มค่าที่จะอัปเกรดไหม? แล้วแตกต่างจาก iPhone 16 อย่างไร
realme จ่อเปิดตัว realme GT 7 Pro รุ่นแรกกับขุมพลัง Snapdragon 8 Elite ในเมืองไทย
Honor MagicPad 2 พบกับแท็บเล็ตจอ 144Hz ชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 3
ROG Phone 9 Pro อาจเป็นสมาร์ทโฟนอัตรา Refresh Rate มากสุดทุบสถิติในตลาด Global
Honor Magic 7 RSR Porsche Design สเปคเทพ ดีไซน์สวย รอเปิดตัวเดือนธันวาคมนี้