www.siamphone.com
แก็ดเจ็ต (Gadget) | วันที่ : 13 พฤศจิกายน 2563
Apple Watch SE จะเป็นรุ่นพิเศษของ Apple Watch ในปี ค.ศ. 2020 แต่ก็เป็นตามหลักสูตรของ Apple พอเห็นคำว่า SE ปุ๊บ ก็รู้ทันทีว่าเป็นรุ่นคุ้ม ราคาถูกกว่ารุ่นปกติ และโดนลดฟีเจอร์บางส่วนออกไป แม้ว่าจะโดนลดฟีเจอร์บางส่วนออกไป แต่ Apple Watch SE ก็ยังมีการใช้งานที่ครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นด้านการออกกำลังกาย ด้านสุขภาพ ใช้งานมัลติมีเดีย และการรับสายวางสาย ที่สำคัญมีตัวเลือกรุ่นรองรับการใช้งานแบบ GPS+Cellular ทำให้ใช้แบบเดียวๆ ได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับ iPhone ตลอดเวลา ส่วนฟีเจอร์ที่โดนตัดออกไปส่วนตัวก็มองว่าไม่ค่อยได้ใช้งาน และไม่จำเป็นเท่าไหร่ โดยเฉพาะการวัดกระแสไฟฟ้าจากการเต้นของหัวใจอย่าง ECG ก็ยังไม่ได้รับอนุญาติให้ใช้งานในประเทศไทย
ตัวเรือนของ Apple Watch SE เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมขอบมน มีให้เลือกทั้งแบบ 44 มิลลิเมตร และ 40 มิลลิเมตร แต่ตัวที่ได้มารีวิวเป็น 40 มิลลิเมตร ส่วนวัสดุที่ใช้จะมีเฉพาะอะลูมิเนียมเท่านั้น และมีให้เลือก 3 สีคือ สีเทา, สีเมาสเปซเกรย์ และสีทอง
หน้าจอแสดงผลเป็นแบบสัมผัส Retina Display ใช้กระจก Ion-X ที่มีความทนทาน และเป็นหน้าจอแบบขอบโค้งทรงสี่เหลี่ยม
ข้างซ้ายตัวเรือน มีลำโพงเสียง
ข้างขวาตัวเรือน มีแป้นหมุนสำหรับเลื่อนเมนู (Digital Crown) และเป็นปุ่มกดเข้าสู่แอพฯ ทั้งหมด ถัดลงมาข้างล่างเป็นรูไมโครโฟน และล่างสุดเป็นปุ่มเพาเวอร์
ด้านหลังตัวเรือน จะเป็นแผงเซนเซอร์ต่างๆ และเป็นที่ชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย
อุปกรณ์ภายในกล่อง
สเปคของ Apple Watch SE
หน้าจอ Retina DisplayApple Watch SE จะใช้หน้าจอแบบ Retina Display ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นก่อนๆ ถึง 30% และเป็นหน้าจอแบบเดียวกับ Apple Watch Series 6 ที่มีราคาแพงกว่าอีกด้วย จากที่ได้ลองใช้งาน สีและการแสดงผลของหน้าจอ ก็ถือว่ายังสวยอยู่ และมีการสัมผัสที่ลื่น
แต่ Apple Watch SE จะไม่รองรับการใช้งาน Always On Display ซึ่งตรงนี้มองว่าไม่มีก็ไม่เป็นไร เพราะแค่ผลิกข้อมือก็เป็นการปลุกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลาได้เหมือนกัน และยังมีอีกอย่างคือการสัมผัสแบบ Force Touch จะโดนตัดออกไป และใช้การกดค้างเข้ามาแทน
เริ่มใช้งาน และการเชื่อมต่อการเริ่มใช้งานครั้งแรก ให้จับ Apple Watch SE ชาร์จแบตเตอรี่ไว้ จากนั้นจะมีสัญลักษณ์ให้เชื่อมต่อกับ iPhone จากนั้นเมิ่อเปิด iPhone ระบบจะมีการแจ้งเตือนให้เชื่อมต่อกับ Apple Watch SE แบบอัตโนมัติ เพียงแค่นี้ก็เริ่มใช้งานได้เลย โดยความสำเร็จการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว และฉลาดแบบนี้ เป็นเพราะภายใน Apple Watch SE มีชิป U1 ซึ่งจะช่วยในการจับคู่ และเชื่อมต่อแบบรวดเร็ว
การเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาการเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกา จะต้องใช้แอพพลิเคชั่น Apple Watch ใน iPhone เป็นตัวช่วย โดยเข้าไปในแอพฯ จากนั้นเลือกเมนู แกลเลอรี่หน้าปัด ทางด้านล่าง จากนั้นก็เลือกได้ตามสบายใจ ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ
จากนั้นหน้าปัดรูปแบบที่เราเลือก จะซิงค์ไปอยู่ใน Apple Watch SE เมื่อต้องการเปลี่ยน และปรับแต่งให้กดค้างที่หน้าโฮม หากเราเลือกรูปแบบหน้าปัดนาฬิกาที่สามารถปรับแต่งได้ จะมีเมนูแก้ไขอยู่ด้านล่าง ทำให้เราสามารถเลือกโชว์การตรวจจับต่างๆ ไว้ในหน้าจอหลักได้ เช่น อุณหภูมิ, กิจกรรม, วันที่ หรือการเต้นของหัวใจ เป็นต้น
ดาวน์โหลดแอพฯ ผ่าน App StoreApple Watch SE จะให้ผู้ใช้งานเลือกใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ได้อย่างอิสระ เพราะมี App Store เพื่อดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้ด้วยตนเอง ซึ่งในนั้นก็จะมีแอพฯ ที่เหมาะใช้งานกับ Apple Watch มากมาย ซึ่งต่างจากสมาร์ทวอทช์จากแหล่งอื่นๆ
โหมดออกกำลังกายตัวเลือกโหมดออกกำลังกายใน Apple Watch SE จะมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบครบถ้วน ไม่ว่าจะในร่ม หรือกลางแจ้ง เช่น วิ่ง, ว่ายน้ำ, ต่อยมวย, คาร์ดิโอ, เครื่องออกกำลังกาย, ปีนเขา, เทนนิส, หรือแม้แต่ตกปลาก็ยังมี ที่ว่ามายังเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
ส่วนการใช้งานจริง (ลองใช้งานเฉพาะวิ่งกลางแจ้ง) จะมีการจับเวลา ระยะทางทั้งหมด และการเต้นของหัวใจ เมื่อเสร็จกิจกรรมระบบจะคำนวณค่าเฉลี่ยของแต่ละอย่าง รวมไปถึงจำนวนแคลอรี่ที่เผาผลาญไป ทั้งนี้ระบบจะมีการบันทึกสถิติพร้อมซิงค์ไปยังแอพฯ สุขภาพ เพื่อนำมาดูย้อนหลังได้ และสามารถนำสถิตินั้นไปเปรียบเทียบแข่งขันกับเพื่อนๆ ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามผู้ใช้งานยังสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นอื่นๆ เพื่อมาใช้ในการออกกำลังกายได้เช่นกัน อย่างเช่นแอพฯ Nike เป็นต้น
ตรวจจับสุขภาพApple ได้สร้าง Apple Watch ขึ้นมาเพื่อต้องการใส่เรื่องของสุขภาพผู้ใช้เป็นหลัก ซึ่งนอกจากจะเป็นอุปกรณ์คู่กายสำหรับออกกำลังกายแล้ว ยังเป็นเครื่องตรวจจับสุขภาพของผู้ใช้ด้วย โดย Apple Watch SE จะมีทั้ง ตรวจจับการเต้นของหัวใจ, ติดตามการนอนหลับ, ตรวจจับเสียบรบกวน, กำหนดลมหายใจ หรือการตรวจเช็คประจำเดือนสำหรับท่านผู้หญิง และสามารถดาวน์โหลดแอพฯ ตรวจสุขภาพอื่นๆ ผ่าน App Store มาใช้งานได้อีก
สำหรับ Apple Watch SE จะไม่รองรับการใช้งานตรวจออกซิเจนในเลือด (Blood Oxygen) และตรวจจับสุขภาพผ่านกระแสไฟฟ้าของการเต้นหัวใจ หรือ ECG แต่ก็ถือว่าไม่เสียหายเท่าไหร่ เพราะ ECG ยังไม่มีการอนุญาติให้ใช้งานในประเทศไทยอยู่ดี
โหมดตรวจจับการล้มโหมดนี้ไม่กล้าลองกับตัวเองจริงๆ แต่อย่างไรก็ตามน่าจะเหมาะกับผู้สูงอายุที่อาจจะเกิดเหตุการแบบนี้ขึ้นได้ โดยระบบของ Apple Watch SE จะมีการโทรออกฉุกเฉินให้ทันที หากผู้ใส่มีการล่ม โดยจะส่งข้อความ หรือโทรออก ตามเลขหมายที่ตั้งค่าเอาไว้
รับสายวางสาย พร้อมรับการแจ้งเตือนApple Watch SE จะรองรับการรับสายวางสายได้ทันที โดยไม่ต้องหยิบ iPhone ขึ้นมา และสามารถพูดคุย พร้อมฟังเสียงจาก Apple Watch SE ได้อีกด้วย เพราะตัวเรือนมีทั้งไมโครโฟน และลำโพงมาให้ ทั้งนี้จะสะดวกมาขึ้นหากเป็นรุ่น Cellular เพราะไม่ต้องเชื่อมต่อกับ iPhone ตลอดเวลา เดินห่างจาก iPhone ก็ยังรับสายได้ทันที
ส่วนข้อความแชท หรือข้อความแจ้งเตือนต่างๆ ก็จะถูกส่งมายัง Apple Watch SE ทำให้เรารับรู้ข้อมูลต่างๆ โดยไม่ต้องหยิบ iPhone ขึ้นมา หากเป็นการแชทสนทนาก็สามารถตอบกลับได้ทันที
ใช้งานมัลติมิเดียแน่นอนว่าการควบคุมการเล่นเพลง Apple Watch SE ก็สามารถทำได้ โดยการใช้คลังเพลง Apple Music เหมาะกับการใช้ฟังเพลงระหว่างออกกำลังกาย หรือควบคุมเพลงใน iPhone ก็ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีแอพฯ ที่เปลี่ยน Apple Watch SE ให้เป็นปุ่มกดชัตเตอร์ เวลาถ่ายรูปก็ไม่ต้องไปกดชัตเตอร์ที่ iPhone เพิ่มความสะดวกสบายไปอีกระดับ
ประสิทธิภาพใช้งานแบตเตอรี่จากที่ทดลองใช้งานติดต่อกันโดยชาร์จเต็มในช่วงเข้า ก็พบว่า Apple Watch SE สามารถใช้งานได้ประมาณ 1 วัน (ช่วงเย็นๆ ก่อนนอนจะเหลือราวๆ 20%) โดยหลักๆ ได้ใช้งานออกกำลังกาย ตรวจจับการเต้นของหัวใจตลอดเวลา และโหมดนอนหลับ ในขณะที่การชาร์จใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็จะได้แบตเตอรี่ 100%
ความแตกต่างระหว่าง Apple Watch SE กับ Apple Watch Series 6
ราคา Apple Watch SE
ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ : Apple Watch SE
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : https://www.siamphone.com/smartwatch/apple/watch-se
วันที่ : 13 พฤศจิกายน 2563
MG EXE 181 ซุปเปอร์คาร์ไฟฟ้าจาก MG พุ่งทะยานทะลุไมล์ 0-100 กม./ชม. ใน 1.9 วินาที!9 ชั่วโมงที่แล้ว
ปลั๊ก WiFi อุปกรณ์อัจฉริยะที่ปลุกบ้านของคุณให้ฉลาดขึ้น9 ชั่วโมงที่แล้ว
เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ประตูสู่โลกแห่งอนาคตที่ยั่งยืน10 ชั่วโมงที่แล้ว
3 สาเหตุสำคัญที่บอกว่าคุณควรเปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่ได้แล้ว11 ชั่วโมงที่แล้ว
HONOR Magic6 RSR Porsche Design ดีไซน์สวยหรู 2 สีพรีเมียมตามรถสปอร์ตจาก Porsche15 ชั่วโมงที่แล้ว
รีวิว OPPO A60 อีกขั้นของความสนุก ราคาไม่ต้องแรง ก็ได้ความทนทานระดับ Military-Grade
WHY Play 2 หูฟัง TWS งบหลักร้อย เชื่อมต่อ Bluetooth 5.3 มีไมโครโฟนในตัว
รีวิว Redmi Note 13 Pro 5G ในย่านนี้พี่ขอ กับสเปคสุดเตะตา รวดเร็วจอลื่นได้กล้องระดับ 200MP มี OIS
รีวิว HUAWEI Band 9 สมาร์ทแบนด์ใส่สบาย ตรวจวัดสุขภาพได้ละเอียดขึ้น ใช้งานสูงสุด 2 สัปดาห์
Maono WM620 PC2 ไมโครโฟนไร้สาย ที่สายคอนเทนต์ต้องมี เพราะใช้งานง่ายมาก
CASETiFY คอลเลกชั่นใหม่ Essentials by CASETiFY น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้
ทำความรู้จัก OPPO A60 4G หน้าจอ 90Hz ลำโพงสเตอริโอ ชาร์จเร็ว 45 วัตต์ เริ่มต้น 5,999 บาท
สิ้นสุดการรอคอย! Apple เตรียมลงแอปเครื่องคิดเลขบน iPad ปลายปีนี้
ทำความรู้จัก HONOR X8b หน้าจอ 6.7 นิ้ว กล้องเซลฟี่ 50MP ชาร์จเร็ว 35 วัตต์
realme C65 5G ขุมพลัง Dimensity 6300 เพิ่มหน้าจอรีเฟรช 120Hz
สรุปจุดเด่นและสเปค realme 12x 5G มือถือราคาครึ่งหมื่นก็ใช้งานเน็ต 5G ได้แล้ว อย่างคุ้ม!